Nim Journey

A Legend of Travel

ก้าวแรกสู่โลกของการเดินเขา: จากทุ่งหญ้ามองโกเลียสู่ฝันไกลที่เนปาล
Posted in , ,

ฉันยังจำวันนั้นได้ดี—วันที่ฉันตัดสินใจจะเดินเขาเป็นครั้งแรก ด้วยความตื่นเต้นและความไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ ฉันจัดแจงซื้ออุปกรณ์ใหม่หมด ทั้งเสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว และรองเท้าเทรคกิ้ง ซึ่งแต่ละอย่างก็มีราคาสูงจนน่าตกใจ โดยเฉพาะไม้เท้าเทรคกิ้งที่ต้องซื้อเป็นคู่ในราคาห้าพันบาท ฉันลองขอซื้อเพียงข้างเดียว แต่ทางร้านกลับไม่ยอมขาย ซึ่งทำให้ฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่า อุปกรณ์พวกนี้ทำไมถึงแพงขนาดนี้กันนะ? แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ ฉันบ้าจี้ซื้อมาทั้งหมดแบบไม่ลังเล!

แต่แล้วการเดินเขามองโกเลียของฉันกลับกลายเป็น “ทัวร์นั่งรถตะลุยทุ่งหญ้า” เสียมากกว่า เดวิด ไกด์ของเราให้คำมั่นว่าเราจะได้เดินจริง ๆ สัก 12 กิโลเมตร และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทเรียนแรกในการเดินเขาของฉัน


sds

ทุ่งหญ้า ลำธาร และการเดินเดียวดายในความเวิ้งว้าง

เส้นทาง 12 กิโลเมตรเริ่มต้นจากทุ่งหญ้าเขียวขจี ก่อนที่จะพาเราข้ามลำธารที่น้ำไหลแรงและเย็นจับขั้วหัวใจ ยิ่งเดินเข้าไปในเส้นทางภูเขา เพื่อนร่วมทางของฉันก็เริ่มแยกจากกันไปทีละคน ฉันพยายามเร่งฝีเท้าเดินตามเดวิดให้ทัน แต่สุดท้ายระยะห่างก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง…

ฉันพบว่าตัวเองอยู่คนเดียว

มองไปข้างหน้า—ไม่มีใคร มองไปข้างหลัง—ไม่มีใครเช่นกัน มีเพียงฉันกับทุ่งหญ้าเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา หัวใจเต้นแรงด้วยความกังวล ฉันหลงทางหรือเปล่า? จะทำยังไงถ้าหลงอยู่ที่นี่?

แต่แทนที่จะตื่นตระหนก ฉันกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แปลกใหม่—ความเงียบสงบที่ก้องกังวานไปทั้งใจ

ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา ฉันรู้สึกได้ถึงความเวิ้งว้างและอ้างว้างของโลก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความตื่นเต้น สดชื่น และท้าทายระคนอยู่ เป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ฉันมองรอบตัว ธรรมชาติบริสุทธิ์ห้อมล้อมฉันไว้อย่างอ่อนโยน สายลมพัดผ่านให้ความรู้สึกสดชื่น แสงแดดกระทบเนินเขาสะท้อนเป็นสีเขียวทอง ฉันรู้สึกตัวเบาเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของผืนดินและท้องฟ้า

และที่สำคัญ—ฉันชอบโลกใบนี้เพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยให้ความเงียบและความงามของธรรมชาติโอบกอดฉันไว้ก่อนจะเดินต่อไปข้างหน้า


ธารน้ำแข็ง และเพื่อนร่วมทางที่เหลืออยู่

ในที่สุด ฉันก็ได้ยินเสียงน้ำไหล

เมื่อพ้นเนินเขาไป ฉันพบกับ ธารน้ำแข็ง สีขาวทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้า แม้มันจะไม่ได้ขาวบริสุทธิ์เหมือนภาพในจินตนาการ เพราะมีร่องรอยของดินและหินปะปนอยู่ แต่ความงดงามของมันก็ทำให้ฉันโล่งใจ เดวิดนั่งรออยู่ที่นั่น และไม่นานเพื่อนร่วมทริปอีกไม่กี่คนก็ตามมาสมทบ

ฉันยืนมองธารน้ำแข็งอย่างเงียบ ๆ รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองมาถึงที่นี่ด้วยขาสองข้างของตัวเอง มันไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่มันคือความรู้สึกระหว่างทางที่ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตอยู่จริง ๆ

ขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความคิด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันไปเห็นเพื่อนร่วมทาง 3-4 คนเดินมาถึง แต่ละคนดูเหนื่อยล้าแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจเหมือนกัน

“เหนื่อยไหม?” ฉันถาม

“โคตรเหนื่อยเลย!” เพื่อนคนหนึ่งตอบพลางหอบหายใจ แต่รอยยิ้มกว้างก็เผยให้เห็นว่าความเหนื่อยนั้นมีคุณค่า

อีกคนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งข้างฉัน สะบัดหมวกออกแล้วเช็ดเหงื่อก่อนจะหัวเราะ “ฉันไม่คิดว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ได้จริง ๆ นะ!”

“บางคนถอดใจเดินกลับไปตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว” ฉันบอก

“ก็นะ… มันไม่ง่ายเลย” เพื่อนอีกคนเสริม “แต่พอมาถึงแล้ว ฉันไม่เสียใจเลย”

เรานั่งด้วยกันตรงนั้น มองดูธารน้ำแข็งที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า ปล่อยให้ลมเย็นพัดผ่านตัว รู้สึกถึงความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง


ก้าวแรกสู่การเดินทางที่เปลี่ยนชีวิต

การเดินกลับครั้งนี้ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะฉันเริ่มปรับตัวกับการเดินเขา หรืออาจเป็นเพราะหัวใจฉันกำลังโลดแล่นไปกับความท้าทายใหม่ ๆ และเมื่อฉันกลับมาถึงจุดตั้งแคมป์ ฉันก็เริ่มคิดถึง เนปาล ดินแดนที่นักเดินเขาทั่วโลกใฝ่ฝัน

อุปกรณ์เดินเขาที่ฉันลงทุนซื้อมาครั้งนี้ โดยเฉพาะเทรคกิ้งโพลแสนแพง มันควรจะได้ออกไปโลดแล่นมากกว่านี้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแผนการใหญ่ที่ฉันเพิ่งวางไว้ในใจ

ฉันไม่รู้เลยว่า ความคิดเล่น ๆ นี้จะนำพาฉันไปสู่การเดินทางที่ฉันตกหลุมรักตลอดกาล…

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.