Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in , ,

จากถ้ำอชันต้า (Ajanta) พวกเราต้องรีบเร่งออกเดินทางกันต่อในทันที จุดหมายถัดไปคือถ้ำเอลโลร่า (Ellora) ที่อยู่ห่างออกไปเกือบสองชั่วโมง แต่เวลาเยี่ยมชมกลับมีเพียงชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ไกด์ของเราจึงไม่ยอมให้เสียเวลาแม้แต่น้อย ถึงขนาดให้พวกเราลงจากรถกลางทาง ก่อนจะเรียกรถอีกคันมารับต่อ โดยหวังไม่ให้เราหยุดซื้อของจนเสียเวลาเดินทางเพิ่มไปอีก

ระหว่างเส้นทางอันยาวไกล บรรยากาศริมถนนเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่น่าหลงใหล แม้ภาพสองข้างทางจะดูแห้งแล้ง แต่กลับเต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิต ผู้คนในชุดสีสดใส ร้านค้าเล็กๆ ที่รายเรียง ขนมพื้นบ้านสีสันฉูดฉาดที่พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดท้องถิ่น มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพวกเขานั่งจิบชา คุยกันชิลล์ๆ อยู่หน้าร้านขายของ เป็นภาพวิถีชีวิตที่ทำให้ฉันรู้สึกเพลิดเพลิน ทั้งที่ก็มีบางช่วงเผลอหลับๆ ตื่นๆ อยู่บ้าง

ใกล้เวลาสี่โมงเย็น ฉันเริ่มลุ้นระทึกในใจ จะถึงหรือยังนะ กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ทัน เพราะตั้งใจบินมาไกลแสนไกลเพื่อมาเห็นทั้งสองถ้ำสำคัญนี้ เมื่อไกด์ส่งสัญญาณบอกว่าถึงแล้ว ฉันใจชื้นขึ้นทันทีที่ได้เห็นถ้ำขนาดมหึมาตระหง่านตรงหน้า “ถ้ำที่ 16 Kailasa” แห่งเอลโลร่า เป็นถ้ำของศาสนาฮินดูที่มีชื่อเสียงและอลังการที่สุด สร้างโดยการแกะสลักหินจากยอดเขาลงมาถึงฐานคล้ายที่เปตราในจอร์แดน ซึ่งฉันเพิ่งไปเยือนมาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ถ้ำที่เอลโลร่ามีทั้งหมด 34 ถ้ำ แบ่งเป็นของศาสนาพุทธ 12 ถ้ำ ฮินดู 17 ถ้ำ และเชน 5 ถ้ำ ศาสนาพุทธเข้ามาบุกเบิกการสร้างก่อนในช่วง ค.ศ. 500-650 สร้างเป็นวิหารที่ใช้ศึกษา บำเพ็ญสมาธิ ทำพิธีกรรม และพักอาศัย ต่อมาเมื่อฮินดูมีอิทธิพลมากขึ้น ก็สร้างสรรค์ถ้ำของตนในรูปแบบที่วิจิตรงดงามด้วยลวดลายสลักที่ละเอียดประณีต

ถ้ำที่ 16 Kailasa หรือที่เรียกกันว่าถ้ำไกรลาศ เป็นผลงานอันวิจิตรที่สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์กฤษณะที่ 1 แห่งราชวงศ์ราชตระกูฏะ ในช่วงศตวรรษที่ 8-9 ด้วยเทคนิคการแกะสลักหินภูเขาขนาดใหญ่จากด้านบนสู่ล่าง จำลองรูปแบบภูเขาไกรลาศที่เชื่อกันว่าเป็นที่ประทับของพระศิวะ ทุกส่วนของถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยลวดลายละเอียดที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ บริเวณด้านในประดิษฐานเทวรูปของพระศิวะและเทพเจ้าองค์อื่นๆ รายล้อมด้วยลวดลายดอกไม้และสัตว์ในตำนาน ฉันรู้สึกทึ่งกับศรัทธา ความพยายาม และฝีมือของช่างยุคโบราณที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่งเช่นนี้ได้ แม้เวลาจะผ่านไปนับพันปีแต่ความงดงามนี้ยังคงตราตรึงใจผู้มาเยือนไม่รู้ลืม

แม้เวลาจำกัด ฉันก็ยังได้ไปเยี่ยมชมถ้ำหมายเลข 10 ของศาสนาพุทธ หรือที่เรียกว่า “ถ้ำวิศวกรรม” (Visvakarma Cave) ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ถ้ำนี้โดดเด่นด้วยการขุดเจาะลึกเข้าไปเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีหลังคาโค้งสูงคล้ายโครงสร้างไม้ ภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่แกะสลักจากหินตั้งประดิษฐานอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยเสาขนาดใหญ่ที่แกะสลักลวดลายอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เมื่อเปล่งเสียงออกไปในถ้ำ เสียงสะท้อนกังวานทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เอง ฉันได้รู้ความหมายที่แท้จริงของบทสวดที่คุ้นเคยมานานจากปากของไกด์ชาวฮินดู

“นะโมตัสสะ ภควโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” “ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง”

ครั้งแรกที่ได้รู้ความหมายอย่างลึกซึ้งก็ ณ ถ้ำแห่งนี้นั่นเอง ฉันรู้สึกซาบซึ้งจนตื้นตันในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นประสบการณ์ที่ทำให้บทสวดที่เคยสวดมาเนิ่นนานมีความหมายขึ้นอย่างแท้จริง

แม้วันนี้จะไม่ได้ครบทุกถ้ำดังที่ใจหวัง แต่กลับกลายเป็นวันที่ฉันได้เรียนรู้มากกว่าที่เคยคิดไว้ ไกด์ของเราเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความรู้ที่เขามอบให้ จนฉันต้องยกนิ้วให้เลยว่าเขาทำให้การเยือนถ้ำของฉันมีคุณภาพและประทับใจมากๆ

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.