โมร็อคโค (Morocco) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา โอบล้อมด้วยภูมิประเทศที่หลากหลายและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม ทิศเหนือของประเทศติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากยุโรปเพียง 13 กิโลเมตร โดยมีช่องแคบยิบรอลตาร์ (Strait of Gibraltar) กั้นระหว่างโมร็อคโคกับสเปน ทางตะวันตกของประเทศทอดยาวไปจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ขณะที่ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับอัลจีเรียและมอริทาเนีย โดยมีทะเลทรายซาฮาร่าอันกว้างใหญ่เป็นเขตแดนทางธรรมชาติ
ภูมิประเทศและสภาพอากาศ
โมร็อคโคมีลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลอันชุ่มชื้นไปจนถึงเทือกเขาสูงที่แบ่งพื้นที่ของประเทศออกเป็นเขตต่างๆ เทือกเขาหลัก 3 แห่ง ได้แก่
- Middle Atlas
- High Atlas
- Anti Atlas
ความสูงตระหง่านของเทือกเขาเหล่านี้ทำให้สภาพอากาศในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันไป ตอนเหนือมีอากาศเย็นสบายแบบเมดิเตอร์เรเนียน ขณะที่พื้นที่ตอนใต้แห้งแล้งใกล้เคียงกับภูมิอากาศของทะเลทราย
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวโมร็อคโคคือ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ซึ่งอากาศเย็นสบายและต้นไม้ผลิใบงดงาม และ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ที่ไม่ร้อนเกินไป เหมาะสำหรับการเดินทางสำรวจทะเลทรายซาฮาร่าหรือเยี่ยมชมเมืองโบราณ
เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
โมร็อคโคเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลและการเดินทางที่สะดวกสบาย สิ่งที่ทำให้โมร็อคโคโดดเด่นคือ ศิลปะแบบแขกมัวร์ (Moorish Art) ซึ่งเป็นการผสมผสานศิลปะระหว่างอาหรับ แอฟริกัน และอิทธิพลของอิสลาม
ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของโมร็อคโคคือเผ่า เบอร์เบอร์ (Berbers) ซึ่งเคยมีอารยธรรมรุ่งเรือง ก่อนที่ชาวมัวร์จะขยายอำนาจเข้าไปในคาบสมุทรไอบีเรีย (ปัจจุบันคือสเปนและโปรตุเกส) ในศตวรรษที่ 8-15 ก่อนที่จะถูกผลักดันกลับสู่แอฟริกาเมื่อศาสนาคริสต์เริ่มแผ่อิทธิพลในยุโรป
ศิลปะการตกแต่งของโมร็อคโคนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดอันวิจิตร ไม่ว่าจะเป็น
- กระเบื้องโมเสก (Zellige) ที่มีลวดลายอันซับซ้อน
- งานฉลุปูนปั้น (Stucco) ในมัสยิดและพระราชวัง
- เครื่องเทศ ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
- พรมทอมือ สีสันสดใสที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล
โมร็อคโคเต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ เมืองเก่ามาร์ราเกช (Marrakech Medina) ที่เต็มไปด้วยตลาดพื้นเมืองและสถาปัตยกรรมโบราณ ไปจนถึง ทะเลทรายซาฮาร่า ที่มีเนินทรายกว้างใหญ่ให้นักเดินทางได้สัมผัสกับการขี่อูฐและพักค้างแรมกลางทะเลทรายภายใต้ดวงดาวพร่างพราว
สถานที่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่
- เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองสีฟ้าสุดโรแมนติกที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา
- เฟซ (Fes) เมืองโบราณที่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศ
- คาซาบลังกา (Casablanca) เมืองท่าทันสมัยที่ยังคงกลิ่นอายของยุคอาณานิคมฝรั่งเศส
ผู้คนและการปกครอง
ประชากรของโมร็อคโคมีประมาณ 34 ล้านคน ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลัก ได้แก่ อาหรับ ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนเหนือ กลาง และตะวันออกของประเทศ และ เผ่าเบอร์เบอร์ ที่กระจายตัวอยู่ทางใต้และตะวันตก
ภาษาทางการของประเทศคือ ภาษาอารบิกโมร็อคกัน (Moroccan Arabic) และ ภาษาฝรั่งเศส ก็ยังคงถูกใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากอิทธิพลของยุคล่าอาณานิคม
โมร็อคโคปกครองในระบอบ กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ กษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 (King Mohammed VI) ซึ่งทรงมีอำนาจในการบริหารประเทศร่วมกับนายกรัฐมนตรี
ความท้าทายในปัจจุบัน
แม้จะเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่โมร็อคโคยังคงเผชิญกับปัญหาสำคัญ เช่น
- การขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะในเขตทะเลทราย
- ปัญหาความขัดแย้งด้านดินแดน กับอัลจีเรียในพื้นที่ซาฮาราตะวันตก
- ภัยคุกคามจากการก่อการร้าย ในบางภูมิภาค
โมร็อคโค : ปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของธรรมชาติ เสน่ห์แห่งศิลปะและวัฒนธรรม หรือการผจญภัยในทะเลทราย โมร็อคโคเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสีสันและเรื่องราวอันน่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคอารยธรรมโบราณ แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของโลกสมัยใหม่ โมร็อคโคคือคำตอบของคุณ






Leave a Reply