เช้าตรู่ในมาเก๊า: เริ่มต้นวันใหม่กับบรรยากาศแสนสดชื่น
การเดินทางแต่ละครั้งมักมาพร้อมกับความท้าทายเล็กๆ หนึ่งในนั้นคือการต้องตื่นเช้าเสมอ แต่ก็นั่นแหละ—เช้าตรู่มักซ่อนเสน่ห์บางอย่างไว้เสมอ อย่างน้อยที่สุดคืออากาศบริสุทธิ์ กลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากบ้านเรือน และภาพชีวิตผู้คนที่เริ่มต้นวันใหม่อย่างคึกคัก
วันนี้เราตกลงกันว่าจะไป เกาะไทปา แต่เช้ายังเกินไป เราจึงเลือกเดินเล่นแถว ซากโบสถ์เซนต์ปอล ก่อน แล้วหาโจ๊กกับปาท่องโก๋รองท้องสักหน่อย แสงแดดยามเช้าทอดผ่านโบราณสถานให้บรรยากาศชวนฝัน พวกเรารีบคว้ากล้องขึ้นมาบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ จนเกือบลืมไปว่า… เรายังไม่ได้กินอะไรเลย
น่าเสียดายที่ร้านโจ๊กที่เจอไม่มีปาท่องโก๋ เราจึงเปลี่ยนแผนมุ่งหน้าไปไทปาแทน หวังว่าถนนสายอาหารที่นั่นคงมีของอร่อยรออยู่
สำรวจไทปา: อาหารเช้าแบบดั้งเดิมและเสน่ห์แห่งเมืองเก่า
แต่แล้วก็พบว่า… เก้าโมงเช้ายังเช้าเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยว ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิด เราเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยจนเจอร้าน หยำฉา เสิร์ฟติ่มซำแบบพื้นบ้าน แม้จะสื่อสารกันลำบาก แต่เพียงใช้ภาษามือและชี้เอา เราก็ได้ลิ้มรสอาหารเช้าที่อร่อยเกินคาด แถมยังมีเพื่อนร่วมโต๊ะใจดีช่วยแนะนำเมนูให้
เกาะไทปาเต็มไปด้วยสถานที่เที่ยวที่อยู่ไม่ไกลกัน จาก ถนนสายอาหาร Rue de Canha เราเดินไปชม Taipa House Museum ที่จัดแสดงบ้านเรือนแบบโปรตุเกสเก่าแก่ จากนั้นก็นั่งเล่นรับลมในสวนสาธารณะ จนเกือบเที่ยงก็ย้อนกลับไปที่ถนนสายอาหารอีกครั้ง คราวนี้ร้านค้าเปิดกันหมดแล้ว ถนนเส้นเล็กๆ เต็มไปด้วยร้านขนมมากมาย เราเดินเพลินจนเกือบลืมว่าก่อนหน้านี้… หลงทางมา
การลงรถเมล์ผิดป้ายทำให้เราเสียเวลาไปไม่น้อย เมื่อถามทางไปถนนสายอาหารกลับไม่มีใครเข้าใจ หรืออาจเป็นเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ สุดท้าย เราสรุปได้ว่าควรศึกษาเส้นทางล่วงหน้าให้ดี หรืออย่างน้อยก็ควรถามคนขับรถเมล์โดยตรง (แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจเราหรือไม่ก็ตาม)
เกาะโคโลอาน: หลงเสน่ห์หมู่บ้านเล็กๆ และทาร์ตไข่ในตำนาน
โชคดีที่ครั้งนี้เราลงถูกป้าย! พอข้ามมาเกาะโคโลอาน เราเห็น รูปปั้นคิวปิด ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะ ถือเป็นจุดสังเกตที่ง่ายดาย ทันทีที่ลงจากรถ สิ่งแรกที่เราเจอคือร้าน Lord Stow’ s Bakery ร้านต้นตำรับของทาร์ตไข่ชื่อดัง ตามรอยจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Goong ที่เคยมาถ่ายทำที่นี่
จากนั้นเราเดินไปจนถึงชายหาด Hac Sa แล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกนิดก็พบกับ โบสถ์เซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ โบสถ์เล็กๆ สีเหลืองสดใส ประตูสีฟ้าสะดุดตา ทันทีที่เห็น… ไม่มีใครอดใจไหว พวกเรากดชัตเตอร์กันรัวๆ
มื้อกลางวันวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้าน Nga Tim ซึ่งอยู่ข้างโบสถ์ ร้านนี้เสิร์ฟอาหาร Macanese และ Portuguese แบบดั้งเดิม ทุกจานล้วนแล้วแต่อร่อยจนแทบไม่อยากให้มื้อนี้จบลง
Venetian: ความอลังการที่ไม่เข้าทาง
หลังจากอิ่มหนำสำราญ พวกเราเดินทางต่อไปยัง Venetian Macao สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความหรูหราและความยิ่งใหญ่ ทุกอย่างดูราวกับยกเวนิสมาตั้งไว้กลางมาเก๊า แต่… มันกลับไม่ใช่ที่ที่เราชอบ กลิ่นบุหรี่ในคาสิโนทำให้รู้สึกเวียนหัว บวกกับบรรยากาศอุดอู้ภายในห้างที่ดูจำลองเกินไป สุดท้ายเราตัดสินใจออกมาสูดอากาศข้างนอกให้รู้สึกสดชื่นอีกครั้ง
มาเก๊าทาวเวอร์: ปิดท้ายวันด้วยภาพเมืองยามค่ำคืน
จาก Venetian เราเดินต่อไปยัง รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม แต่โชคร้ายที่สถานที่ปิดให้เข้าชมแล้ว เราทำได้เพียงยืนมองจากระยะไกล แล้วจึงมุ่งหน้าไป มาเก๊าทาวเวอร์ จากแผนที่ดูเหมือนจะใกล้ แต่ความจริง… มันเป็นการเดินที่วกวนและไกลกว่าที่คิดมาก กว่าจะถึงก็เกือบสองทุ่ม หมดแรงจนต้องนั่งรถเมล์แค่สองป้ายสุดท้าย เพราะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก่อนที่หอคอยจะปิด เราก็ตัดสินใจขึ้นไปชมวิวมาเก๊ายามค่ำคืนจากมุมสูง แสงไฟที่ทอดยาวตามถนนข้ามเกาะทำให้มาเก๊าดูมีเสน่ห์ในอีกรูปแบบหนึ่ง บนหอคอยยังมีกิจกรรม บันจี้จัมพ์ และ Sky Walk แต่เราไม่มีโอกาสลอง (หรือแม้แต่เปิดให้ลองก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะกล้าหรือเปล่า!)
ปิดท้ายวันที่ Senado Square
เรากลับไปที่ Senado Square เพื่อฝากท้องมื้อค่ำที่ร้าน Wong Chi Lam ซึ่งอยู่ข้าง McDonald’ s และต้องเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง อาหารมื้อนี้เป็นมื้อใหญ่ ทั้งเป็ด ไก่ และเมนูเหลาแบบจัดเต็ม
ก่อนกลับ เรายังไม่วายเดินตามหาถนนที่เรียกว่า ถนนแห่งความสุข เราเข้าใจผิดคิดว่าคือเส้นทางไปซากโบสถ์เซนต์ปอล แต่พอมองป้ายกลับพบว่าไม่ใช่ ทำให้ต้องเดินหากันอีกรอบ แล้วก็ได้เจอร้านลูกชิ้นทอดเจ้าดัง ที่คนต่อคิวยาวเหยียด แม้จะอยากลอง แต่ท้องเราก็แน่นเกินกว่าจะใส่อะไรเพิ่มได้อีกแล้ว
ถึงที่พักเกือบห้าทุ่ม ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะเที่ยวแบบเบาๆ ก่อนเดินทางกลับ แปดโมงครึ่งคือเวลานัดหมาย—ขอนอนเต็มอิ่มสักวันเถอะ!






Leave a Reply