ออกจากที่พักราวแปดโมงเช้า อากาศเช้านี้เย็นแต่ไม่หนาวจนเกินไป เส้นทางวันนี้ไกด์บอกว่า “ง่ายขึ้น” กว่าเดิม เพราะเราผ่านเส้น pass ซึ่งเป็นเหมือนทางลัดจากเส้นหลักมาแล้ว
ทำให้ฉันคิดว่าพวกเราคงจะเริ่มต้นด้วยการเดินลงเนินตั้งแต่ออกจากที่พัก แต่ความเป็นจริงแล้วเรายังต้องไต่ขึ้นเนินหินอีกพักใหญ่ กว่าจะได้เจอทางลงยาว ๆ ที่ทอดยาวไปถึงจุดพักกลางวัน ซึ่งทางลงยาวนี้ ทำเอาฉันกังวลใจไม่น้อยว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในขากลับอย่างมากทีเดียว
พอถึงร้านอาหารกลางทาง ที่นี่คึกคักผิดจากทุกแห่งที่เราผ่านมา เพื่อนเดินมาบอกว่าตรงนี้เป็นจุดตัดของผู้คนจากสองเส้นทาง ทั้งกลุ่มที่เดินมาจาก pass และคนที่ใช้เส้นทางปกติ เราเลยได้เห็นนักเทรคหลากหลายหน้า ทั้งชาวยุโรปที่พูดคุยเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ไปจนถึงชาวเนปาลท้องถิ่นที่กำลังขนของขึ้นเขาอย่างคล่องแคล่ว
หลังมื้อกลางวัน เส้นทางเริ่ม “เข้าที่เข้าทาง” อย่างที่ไกด์ว่าไว้ เส้นทางนี้เป็นการเดินบนทางหลักที่ค่อย ๆ ลาดลง ก่อนจะไต่ขึ้นอีกช่วงหนึ่ง ผ่านหุบเขาที่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลขนานไปข้าง ๆ เสียงน้ำกระทบหินดังคลออยู่ตลอดทาง เหมือนเป็นเพื่อนร่วมทางอีกคนหนึ่ง การเดินวันนี้ไม่โหดเหมือนสองวันแรก และเป็นทางเดินเทรคที่ฉันรู้สึกว่าคุ้นเคยสำหรับฉัน ทำให้ทุกอย่างเริ่มเข้าจังหวะ ทั้งลมหายใจ ก้าวเดิน และความคิดในหัว

ฉันมาถึง Kothe หมู่บ้านปลายทางวันนี้ราวบ่ายสามโมง หมู่บ้านตั้งอยู่กลางหุบเขา รายล้อมด้วยยอดเขาสูงที่เริ่มเห็นปลายหิมะขาว ฉันซื้อ Wi-Fi หลังจากขาดการติดต่อไปหลายวัน เพราะสองวันที่ผ่านมาหมู่บ้านที่พักมีไฟฟ้าไม่พอใช้ ตามปกติฉันไม่ค่อยสนใจจะต้องใช้เน็ตมากนัก แต่เพราะช่วงนี้กำลังสนุกกับการเทรดหุ้น ก็เลยอยากรู้ความคืบหน้าว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงบ้าง ราคา Wi-Fi 1500 รูปี ได้ 15 ชั่วโมงกับ 5 GB แต่สัญญาณก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะมีคนใช้เยอะเกินไป เลยต้องตัดใจแล้วไปอาบน้ำอุ่นๆ ที่ที่พักมีให้บริการ อาบแล้วคลายเหนื่อย สดชื่น ตัวหอมก่อนไปทานอาหารค่ำ ในห้องอาหารตอนค่ำที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของนักเทรคจากหลายประเทศ บางคนกำลังวางแผนขึ้น Mera Peak บางคนกำลังฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาแล้ว ฉันได้แต่นั่งฟังอย่างเพลินใจ และคิดในใจว่า ใครจะไปคิดว่าภูเขาอันห่างไกลแบบนี้ จะมีคนจากทั่วโลกมาเจอกันได้มากมายขนาดนี้







Leave a Reply