Nim Journey

A Legend of Travel

Mera ไม่พีค – วันแรกที่หนักกว่าคาด
Posted in , ,

ขอเริ่มนับการเดินเทรคตั้งแต่ยังไม่ทันเหยียบเท้าขึ้นเขาเลยด้วยซ้ำ โดยเรานั่งรถตู้คันเล็กจากกาฐมาณฑุออกมาตั้งแต่ตีสอง ฝ่าความมืดกับถนนที่คดเคี้ยวไปเรื่อย จนกระทั่งมาถึงราเมนชัปราวหกโมงครึ่งตอนเช้าตรู่

จำได้ว่าครั้งก่อนที่เคยมาเส้นทางนี้เมื่อปี 2018 ถนนช่วงท้ายก่อนถึงราเมนชัปยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ แต่ครั้งนี้ดีขึ้นกว่ามาก ถนนเรียบลัดเลาะไปตามไหล่เขา คนขับก็ขับดีจนเราต้องให้ทิปไปหนึ่งพันรูปีอย่างเต็มใจ

แต่คิดไงก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการเดินทางไปลุกลากลายเป็นมาลงตัวแบบนี้ไปได้ หลังการปรับปรุงสนามบินตรีภูวัณในช่วงปี 2017-2018 จากเดิมบินตรงมาลุกลาใช้เวลา 30 นาที เป็นนั่งรถ 4-5 ชม. แล้วต่อขึ้นเครื่องอีก 20 นาทีแทน

—-

ผู้ช่วยกัปตัน กับวิวภูเขามุ่งหน้าสู่ลุกลา

เครื่องบินเล็กออกประมาณเก้าโมงครึ่ง ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงลุกลา — เสียงใบพัดยังไม่ทันเงียบดี ความตื่นเต้นของการเดินเทรคก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

หลังมื้อกลางวัน เราเริ่มออกเดินช่วงเที่ยง เส้นทางวันนี้เริ่มต้นจากทางข้างที่พัก เป็นเส้นทางที่ไม่เคยเดินมาก่อน ทีแรกดูเหมือนจะง่าย แต่กลับชันขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบตั้งตัวไม่ทัน สี่ชั่วโมงของวันนี้กลายเป็นบททดสอบที่หนักหนากว่าที่คิด

ขาเริ่มเป็นตะคริวตั้งแต่ครึ่งทาง ยิ่งเข้าใกล้ที่พัก ความเจ็บตึงก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น จนช่วงสุดท้ายแทบคลานเข้าไปถึง ความคิดแวบขึ้นในหัวว่า “นี่ขนาดวันแรกยังขนาดนี้ แล้ววันพรุ่งนี้ที่ต้องข้ามพาสสูง 4,600 เมตร จะเป็นยังไงกันนะ?”

ความมั่นใจที่เคยมีกับภูเขาเหมือนละลายหายไปพร้อมแรงในกล้ามเนื้อ ความสงบ ความเชื่อว่าภูเขาจะเมตตาเราเหมือนทุกครั้ง กลับกลายเป็นคำถามว่าคราวนี้เราประมาทไปหรือเปล่า ที่มาโดยไม่ได้ศึกษาเส้นทางเลย เพราะเทรคครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันหลังจากได้ยินว่ามีคนไทยจะไปขึ้นยอดเมราพีค เราซึ่งกำลังอยากมาเดินเขา ก็ตกปากรับคำขอตามมาด้วย เพราะเห็นว่าเส้นทางนี้ยังไม่เคยเดิน

เมื่อตัดสินใจมา ก็มา ไม่สนใจอ่านโปรแกรมใดๆ ว่าคนจัดเส้นทางจะพาไปทางไหน แค่คิดว่ายังไงก็คงสวย น่าสนใจเหมือนทุกครั้ง ไม่ศึกษาหาข้อมูลใดๆ เพื่อจะให้ทุกก้าวเป็นเซอร์ไพรส์ของธรรมชาติ — แต่เซอร์ไพรส์แรกกลับเป็นบทเรียนอันหนักหนา

ยามเย็น ฉันออกมายืนดูพระอาทิตย์ลับยอดเขา แสงส้มละมุนค่อย ๆ จางหายไปในความหนาวเยือกที่เริ่มแผ่เข้ามา มันสวยจนใจเงียบไปชั่วขณะ ขายังปวดตะคริวแปร็บๆ ใจสงบ พร้อมๆกับเสียงในหัวที่เกรี้ยวกราด “กรูไม่น่ามา

คืนนี้ที่พักเต็มหมด ฉันขอนอนเดี่ยวเพราะยังไม่คุ้นกับเพื่อนร่วมทีมหน้าใหม่ เจ้าของบ้านเลยจัดให้ไปนอนในห้องของพวกพอร์เตอร์กับไกด์ เป็นห้องเล็ก ๆ และชื้น แต่โชคดีที่ถุงนอนอุ่นจนเหงื่อซึมออกกลางดึก

เพลียทั้งกายและใจ แค่ได้ซุกตัวในถุงนอนก็นับว่าพอแล้วสำหรับวันนี้ ได้ยินว่า “พรุ่งนี้จะข้ามพาสเลย” ก็ถึงกับตกใจ — ยังไม่ปรับความสูงเลยเหรอ เมื่อยก็เมื่อย ดูท่าทางเส้นทางนี้จะไม่ให้เราได้อุ่นเครื่องจริง ๆ

คืนนี้ขอแค่หลับให้สนิท เพื่อเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็พอ…

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.