ถึงแม้จะมาซีอานเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ครั้งนี้นับได้ว่ามีโอกาสใช้เวลาในซีอานมากกว่าทุกครั้ง ที่พักที่เลือกก็อยู่ใกล้หอระฆัง การเดินทางค่อนข้างสะดวก มีเวลาทำความรู้จักสิ่งก่อสร้างโบราณ ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิงในอดึต ท่ามกลางผู้คนก็เปลี่ยนไปจาก 2 ครั้งก่อน
ด้วยกระแสโซเชียล หอระฆังที่เคยมาเยือนแบบเงียบเหงาในยามค่ำคืน เปลี่ยนเป็นความครึกครื้น มีวัยรุ่นหนุ่มสาวแต่งชุดฮั่นฝู มาถ่ายรูปทุกหัวมุมถนน เดินไปมาจนฉันเอง ยังสงสัยกว่า “พวกเขาหลงยุคมาในปัจจุบัน หรือฉันหลงยุคใปในอดีตกันแน่” แต่ก็สร้างสีสันให้เมืองซีอาน มีความสนุกสนานตลอดทั้งวัน
หอระฆัง หอกลอง แห่งเมืองซีอาน (Bell and Drum Tower)
ใจกลางเมืองเก่าซีอาน…ตรงจุดที่ถนนสี่สายตัดกันอย่างเป็นระเบียบ
มีสิ่งปลูกสร้างโบราณตั้งตระหง่านอยู่คู่กันสองหลัง
หนึ่งคือ หอกลอง (鼓楼: Gǔlóu) อีกหนึ่งคือ หอระฆัง (钟楼: Zhōnglóu)
ทุกครั้งที่ฉันมายืนที่นี่ ไม่ว่าเช้าหรือค่ำ เสียงจอแจของผู้คนไม่อาจกลบความรู้สึกสงบนิ่งที่แผ่ออกมาจากตัวอาคารทั้งสองหลังนี้ได้เลย
แม้พวกมันจะไม่ตีระฆังหรือตีกลองจริงๆ เหมือนในอดีตแล้ว
แต่จิตวิญญาณแห่งเวลา…ยังคงดังอยู่

หอระฆัง (Bell Tower)
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1384 (ราชวงศ์หมิง)
จุดศูนย์กลางเมืองในยุคที่ยังไม่มี GPS
หอระฆังคือสัญลักษณ์ของ “เวลา” และ “อำนาจ” ในเมืองจีนโบราณ
ตั้งอยู่ใจกลางของซีอานพอดีแบบเป๊ะ – หากวาดแผนที่เมืองในสมัยโบราณ หอระฆังคือจุดตัดของถนนหลักทั้งสี่ทิศ
หน้าที่ดั้งเดิม:
- ตีระฆังทุกเช้า (ตีเวลาเริ่มวัน)
- เป็นจุดบอกเวลาให้คนทั้งเมืองรู้ว่าจะเริ่มทำงานหรือเปิดประตูเมืองได้แล้ว
ลักษณะสถาปัตยกรรม:
- อาคารไม้ขนาดใหญ่ สูงกว่า 36 เมตร
- หลังคาทรงจีนซ้อนกัน 3 ชั้น ประดับด้วยกระเบื้องเขียว
- ตัวระฆังใหญ่หนักกว่า 5 ตัน เดิมทีใช้ตีจริง ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ให้ชม
จุดเด่น: ตอนกลางคืนมีการเปิดไฟส่องอาคาร ทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สุดของซีอาน บางคนถึงกับบอกว่า “หอระฆังคือหัวใจของซีอาน”

หอกลอง (Drum Tower)
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1380 (ก่อนหอระฆังเล็กน้อย)
ตั้งอยู่ห่างจากหอระฆังประมาณ 200 เมตรทางทิศตะวันตก
หากหอระฆังคือตัวแทนของ “รุ่งอรุณ”
หอกลองก็คือเสียงของ “สนธยา”
หน้าที่ดั้งเดิม:
- ตีกลองยามเย็นเพื่อบอกเวลาใกล้ค่ำ
- เตือนให้ผู้คนปิดบ้าน ร้านค้าปิดตัว และประตูเมืองเตรียมปิด
ความสำคัญทางจิตวิญญาณ:
- ตีเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ เชื่อว่าเสียงกลองคือพลังแห่งฟ้า
- ใช้ส่งสัญญาณในภาวะฉุกเฉิน เช่น มีศัตรูมา หรือเกิดไฟไหม้
ลักษณะอาคาร:
- ขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหอระฆัง
- มีห้องจัดแสดงกลองแบบต่างๆ และการแสดงตีกลองจีนแบบดั้งเดิมทุกวัน

กำแพงเมืองซีอาน: กำแพงที่ห้อมล้อมอดีตเอาไว้
ท่ามกลางตึกสูงยุคใหม่ของเมืองซีอาน
ยังมีกำแพงโบราณที่ตั้งตระหง่าน ไม่ใช่แค่เป็นของเก่า
แต่มันคือ “โครงกระดูกหลัก” ของเมืองนี้
ที่ยังคงหล่อเลี้ยงวิญญาณของประวัติศาสตร์ไว้ให้ผู้คนได้เดินย้อนเวลา
กำแพงเมืองซีอาน ที่เราเห็นในปัจจุบัน
สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ปี ค.ศ. 1370 (รัชสมัยจักรพรรดิหงอู่ หรือ จูหยวนจาง)
โดยดัดแปลงและต่อยอดจากแนวกำแพงเมืองเก่าสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามาก
จักรพรรดิหงอู่ทรงให้ความสำคัญกับการเสริมความมั่นคงเมืองทั่วราชอาณาจักร จึงสั่งสร้างกำแพงล้อมเมืองสำคัญต่างๆ อย่างเข้มแข็ง และซีอาน (หรือในขณะนั้นชื่อ “ซีจิง”) ก็เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจทางทหารและการปกครองทางตะวันตกของจีน
ลักษณะเด่น
🔸 ยาวประมาณ 13.7 กิโลเมตร ครบ 4 ด้าน ล้อมรอบเมืองเก่าอย่างสมบูรณ์
🔸 กว้างประมาณ 12–18 เมตร, สูง 12 เมตร
🔸 มี 4 ประตูหลัก ตามทิศ คือ ประตูตะวันออก (Changle), ตะวันตก (Anding), ใต้ (Yongning), และเหนือ (Anyuan)
🔸 ด้านบนกำแพงกว้างพอให้รถม้าเดินสวนกันได้สบาย ปัจจุบันกลายเป็นเส้นทางขี่จักรยานยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
จุดประสงค์ในการสร้าง
- ป้องกันเมือง: เป็นป้อมปราการมั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยราชวงศ์หมิง
- แสดงอำนาจ: ความหนาแน่นของโครงสร้างเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชวงศ์
- ควบคุมคนเข้า-ออก: ทั้งทางการค้า การปกครอง และการเก็บภาษี
✨ ความพิเศษที่ยังหลงเหลือ
ต่างจากเมืองโบราณอื่นๆ ในจีนที่กำแพงถูกทำลายหรือหลงเหลือเพียงบางส่วน
ซีอานคือหนึ่งในไม่กี่เมือง ที่ยังรักษากำแพงเมืองไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน
ในตอนกลางคืน กำแพงจะถูกเปิดไฟสว่างไสว รอบนอกเป็นถนนสายหลัก รอบในเป็นเมืองเก่า ผู้คนแต่งชุดฮั่นฟูเดินเล่นริมทาง เหมือนภาพในนิยายย้อนยุคที่มีชีวิตจริงๆ








Leave a Reply