แต่ดั้งเดิมผู้คนอาศัยอยู่บน Acropolis และวัดที่เก่าแก่ที่สุดสร้างในสมัย ไมซินีประมาณ 1200 ปีก่อนคริสตศักราช เพื่อใช้สักการะเทพีอธีนา เทพีที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือ จนปลายศตวรรษที่6 ก่อนคริสตกาล ผู้พยากรณ์แห่งเดลฟีประกาศว่าบน Acropolis นี้เป็นที่อยู่ของเหล่าทวยเทพเท่านั้น ผู้คนก็เลยต้องย้ายลงมาอยู่ด้านล่าง คือพื้นที่ Ancient Agora ในปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลโดย เพริเคลส(Pericles) รัฐบุรุษ นักปราศัย และนายพล ที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลอย่างสูง แห่งนครรัฐเอเธนส์ เพิ่มสิ่งก่อสร้างที่โอ่อ่าอย่างวิหารพาร์เธนอน(Parthenon) สร้างรูปปั้นขนาดใหญ่มหึมา เสริมด้วยทองสัมฤทธิ์ หินอ่อนประดับทอง และอัญมณีมีค่า โครงการก่อสร้างเหล่านี้ไม่เพียงสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ และช่วยปกป้องตัวเมืองจากศัตรู ยังช่วยสร้างงานให้ประชาชนชาวเอเธนส์ นับว่าเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของนครรัฐเอเธนส์
การเปลี่ยนแปลงและการเข้ามายึดครองจากหลากหลายอาณาจักรเปลี่ยนจากวัดที่สักการะเทพเจ้า ให้เป็นโบสถ์คริสต์ในสมัยโรมัน สร้างต่อเติมมัสยิดในสมัยการยึดครองของชาวมุสลิมโดยพวกออตโตมันเติร์ก
นอกจากแผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติก็ทำให้สิ่งก่อสร้างผุกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ความเสียหายครั้งใหญ่ของ Acropolis เกิดขึ้นสมัยการบุกเข้ายึดโดยชาวเวนิส ที่เปิดฉากยิงเข้าใส่อะโครโพลิส และทำให้เกิดระเบิดวิหารพาร์เธนอน ที่ซึ่งพวกเติร์กนำดินปืนมาเก็บไว้ ในปี 1687
|
|
|
ยิ่งกว่านั้นผนังที่คงเหลือส่วนหนึ่งของวิหารพาร์เธนอนยังถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่บริติชมิวเซียม ตั้งแต่ปี 1801 โดยที่ปัจจุบันก็ยังไม่ส่งคืนกลับมาแม้ทางกรีซจะพยายามทวงคืนมาตลอดจนปัจจุบัน
Acropolis ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น world heritage site ตั้งแต่ปี 1987 เปิดให้เราเข้าไปเที่ยวชมสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ซึ่งยังมีร่องรอยของกรีกโบราณให้ได้เห็นความยิ่งใหญ่และความรุ่มรวยในศิลปะของคนโบราณ แหล่งอารยธรรมของยุโรปทั้งปวง

Propylea (โปรไพเลีย)
หรือที่เรียกกันว่า ประตูทางเข้าหลักของ Acropolis
เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นทางเข้าอย่างเป็นทางการสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของอะโครโพลิส ถูกออกแบบให้ยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็น “ทางเข้าสู่โลกของเทพเจ้า” โดยสร้างขึ้นราวปี 437 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงเดียวกับการสร้างวิหารพาร์เธนอน
ลักษณะเด่นคือแนวเสาหินแบบดอริกขนาดใหญ่สองชุด — ด้านหน้าและด้านหลัง — ที่เชื่อมต่อกันด้วยโถงทางเดิน ทำจากหินอ่อนสีขาวตัดกับหินชนิดอื่น มีช่องสำหรับให้คนเดินผ่าน และบางส่วนออกแบบให้ม้าศึกหรือรถม้าผ่านได้ด้วย

วิหารเอเรคธีออน (Erechtheion)
วิหารเอเรคธีออน (Erechtheion)โดดเด่นด้วย เฉลียงของสาวงามคาเรียทีด (Porch of the Caryatids) ซึ่งเป็นเสาในรูปของหญิงสาว 6 คน ที่ยืนเรียงกันอย่างสง่างาม แทนที่จะเป็นเสาทรงกลมแบบวิหารทั่วไป
วิหารเอเรคธีออนสร้างขึ้นในช่วงประมาณ 421–406 ปีก่อนคริสตกาล มีความพิเศษตรงที่สร้างบนพื้นที่ไม่เรียบ ซึ่งสอดคล้องกับตำนานโบราณที่เล่าว่า ที่นี่คือสถานที่ที่เทพีอธีนาและเทพโพไซดอนประลองกันเพื่อครองเมืองเอเธนส์ และมีจุดศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งภายในวิหาร เช่น จุดที่เชื่อว่าเป็นหลุมจากตรีศูลของโพไซดอน หรือมะกอกต้นแรกที่อธีนามอบให้เมือง

วิหารพาร์เธนอน (Parthenon)
เป็นวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดบน เนินอะโครโพลิส (Acropolis) และถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเอเธนส์ รวมถึงอารยธรรมกรีกโบราณโดยรวมเลยก็ว่าได้
วิหารพาร์เธนอนสร้างขึ้นในช่วง 447–432 ปีก่อนคริสตกาล อุทิศให้แก่ เทพีอธีนา พาร์เธนอส (Athena Parthenos) ผู้เป็นเทพีประจำเมืองเอเธนส์ ชื่อ “พาร์เธนอน” เองก็มีความหมายว่า “สถานที่ของหญิงสาวพรหมจรรย์” ซึ่งหมายถึงอธีนา
โครงสร้างวิหารสร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมแบบดอริก (Doric Order) ภายในเคยประดิษฐานรูปปั้นทองคำและงาช้างขนาดมหึมาของอธีนา ซึ่งสร้างโดยช่างฝีมือชื่อก้องในยุคนั้นคือ ฟีเดียส (Phidias)
แม้จะผ่านศึกสงคราม การเปลี่ยนศาสนา และเหตุระเบิดใหญ่ในปี 1687 ที่ทำลายส่วนหนึ่งของวิหารไป แต่วิหารพาร์เธนอนก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในฐานะสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของยุคทองเอเธนส์







Leave a Reply