Khorezm หรือ Khwarazm เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองที่สุดใน เอเชียกลาง ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ทางการค้า วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แต่สุดท้ายกลับถูกทำลายจนแทบไม่เหลือร่องรอย อะไรทำให้อาณาจักรนี้เติบโตจนเป็นมหาอำนาจ? และอะไรทำให้ล่มสลาย? มาร่วมไขปริศนาประวัติศาสตร์ของ Khorezm ไปพร้อมกัน
Khorezm คือที่ไหน?
Khorezm ตั้งอยู่บริเวณ ลุ่มแม่น้ำ Amu Darya (Oxus) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่าน อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และอิหร่าน ด้วยทำเลที่ตั้ง ทำให้อาณาจักรนี้มีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางของการค้าและวัฒนธรรมใน เอเชียกลาง
เหตุผลที่ทำให้ Khorezm มีความสำคัญ
- เป็นจุดเชื่อมโยงของ เส้นทางสายไหม (Silk Road)
- เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ Amu Darya
- เป็นศูนย์กลางของ อารยธรรมเปอร์เซีย, อาหรับ และเติร์ก
ยุครุ่งเรืองที่สุดของ Khorezm ยุคโบราณ คือช่วงศตวรรษที่ 11-13 ในยุคของราชวงศ์ Khwarazmian ก่อนจะถูกทำลายโดยกองทัพของเจงกิสข่าน
ยุคสมัยของ Ancient Khorezm
1. กำเนิดและยุคแรกของ Khorezm
- Khorezm เป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช
- มีหลักฐานว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นชาว อารยัน และได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมเปอร์เซีย
- มีระบบชลประทานที่ซับซ้อนและเป็นศูนย์กลางเกษตรกรรมสำคัญของภูมิภาค
- พื้นที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ Amu Darya (Oxus) ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของอาณาจักร
2. อาณาจักรในยุคเปอร์เซียและกรีก
- ในช่วง ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช, Khorezm กลายเป็นรัฐบริวารของ จักรวรรดิ Achaemenid ของเปอร์เซีย
- ต่อมาในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช อเล็กซานเดอร์มหาราช ได้รุกรานดินแดนนี้และนำอารยธรรมกรีก-เปอร์เซียเข้าสู่ภูมิภาค
- อย่างไรก็ตาม หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิ Achaemenid, อาณาจักร Khorezm ได้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
3. ยุคทองของ Khorezm (ศตวรรษที่ 8-13)
- Khorezm เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงที่ตกอยู่ภายใต้ จักรวรรดิอิสลาม (Abbasid Caliphate)
- ในศตวรรษที่ 11–12, Khorezm กลายเป็นรัฐที่ทรงอำนาจภายใต้ ราชวงศ์ Khwarazmian (1097–1231)
- มีความก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวรรณกรรม
- บุคคลสำคัญที่เกิดในยุคนี้คือ อัล-บีรูนี (Al-Biruni) นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาชื่อดัง และ อัล-ควาเรซมี (Al-Khorezmi) นักคณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
4. การล่มสลายโดยกองทัพมองโกล
- ในปี 1220 อาณาจักร Khorezm ถูกโจมตีโดย เจงกิสข่าน หลังจากที่สุลต่านของ Khorezm สั่งฆ่าผู้ส่งสารมองโกล
- มองโกลทำลายเมืองหลวง Urgench และเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมาก
- Khorezm ไม่สามารถฟื้นตัวได้จากการรุกรานครั้งนี้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิมองโกล
5. Khorezm หลังยุคมองโกล
- หลังจากมองโกล, Khorezm ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ จักรวรรดิ Timur (Tamerlane) ในศตวรรษที่ 14
- ต่อมาในศตวรรษที่ 16 ถูกปกครองโดย Khiva Khanate ซึ่งเป็นรัฐมุสลิมที่มีอิทธิพล
- ในศตวรรษที่ 19, Khorezm ถูกจักรวรรดิรัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Turkestan
- ในปี 1924 Khorezm ถูกผนวกรวมเข้ากับสาธารณรัฐโซเวียต และปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุซเบกิสถานและเติร์กเมนิสถาน
เมืองสำคัญของ Khorezm

อาณาจักร Khorezm เป็นหนึ่งในศูนย์กลางอารยธรรมที่สำคัญของ เอเชียกลาง โดยมีเมืองโบราณหลายแห่งที่เป็นศูนย์กลางการปกครอง การค้า และวัฒนธรรม เมืองเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ของภูมิภาคตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคกลาง
1. Urgench (Gurganj) – เมืองหลวงของ Khorezmian Empire
- Gurganj (หรือ Urgench โบราณ) เป็นเมืองหลวงของ Khwarazmian Empire ในศตวรรษที่ 10-13
- เป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยเชื่อมโยงเส้นทางสายไหม (Silk Road)
- ในยุคทองของ Khorezm, เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และศาสนา
- นักคิดที่มีชื่อเสียงอย่าง อัล-บีรูนี (Al-Biruni) นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาชาวเปอร์เซียอาศัยอยู่ที่นี่
- ถูกทำลายอย่างรุนแรงโดยกองทัพของเจงกิสข่านในปี 1221
2. Khiva – ศูนย์กลางอารยธรรมและศาสนา
- เมืองโบราณที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและศาสนา
- ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Amu Darya
- ในศตวรรษที่ 16-19 กลายเป็นเมืองหลวงของ Khanate of Khiva
- เขตเมืองโบราณ Ichan Kala ของ Khiva ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกของ UNESCO
- ปัจจุบัน Khiva ยังคงเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว
3. Kath (เมืองหลวงแรกของ Khorezm)
- Kath เป็นเมืองหลวงเก่าของ Khorezm ก่อนที่อาณาจักรจะย้ายศูนย์กลางไปยัง Gurganj
- ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำ Amu Darya และเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรในช่วงต้น
- เมืองนี้ค่อยๆ เสื่อมความสำคัญลงหลังจากถูกน้ำท่วมและเปลี่ยนแปลงเส้นทางของแม่น้ำ
4. Toprak-Kala – เมืองหลวงโบราณของ Khorezm ในยุคก่อนอิสลาม
- เป็นศูนย์กลางของอาณาจักร Khorezm ในช่วง ศตวรรษที่ 1-5
- มีพระราชวังขนาดใหญ่และกำแพงเมืองที่แข็งแกร่ง
- มีหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับ ศิลปะและศาสนาของชาวโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism)
- เมืองนี้ถูกทิ้งร้างในช่วงศตวรรษที่ 6 หลังจากที่เส้นทางแม่น้ำเปลี่ยนไป
5. Kunya-Urgench – เมืองมรดกโลกของ UNESCO
- Kunya-Urgench แปลว่า “อูร์เกนช์เก่า” เป็นเมืองโบราณที่สำคัญใน Khorezm
- เป็นศูนย์กลางการศึกษาศาสนาอิสลามและอารยธรรมเปอร์เซีย-มุสลิม
- มีโบราณสถานสำคัญ เช่น
- สุเหร่า Kutlug Timur Minaret – หอคอยสูงที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14
- สุสาน Turabek Khanum Mausoleum – สถานที่ฝังศพของราชวงศ์ Khorezm
- ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกของ UNESCO
6. Ayaz-Kala – ป้อมปราการโบราณ
- ตั้งอยู่กลางทะเลทรายคิซิลคุม (Kyzylkum)
- เป็นป้อมปราการที่ใช้ป้องกันอาณาจักร Khorezm จากการโจมตีของชนเผ่าเร่ร่อน
- มีโครงสร้างกำแพงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 2-3
- เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในช่วงก่อนที่ Khorezm จะกลายเป็นอาณาจักรอิสลาม
7. Mizdahkan – สุสานและศูนย์กลางศาสนาโบราณ
- เป็นเมืองที่มีความสำคัญในด้านศาสนาและพิธีกรรมในยุคก่อนอิสลาม
- มีสุสานโบราณหลายแห่ง รวมถึงสุสานของ Mazlum Khan Sulu
- เป็นศูนย์กลางของศาสนาโซโรอัสเตอร์ก่อนที่อิสลามจะแพร่เข้าสู่ Khorezm
ผู้ปกครองสำคัญของอาณาจักร Khorezm

อาณาจักร Khorezm มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และในช่วงต่างๆ ก็มีผู้นำที่มีอำนาจปกครอง ทั้งที่เป็นกษัตริย์ ศุลต่าน และข่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Khorezmian Empire (จักรวรรดิ Khwarezmian) เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 11-13 ผู้ปกครองเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาอารยธรรม วัฒนธรรม และการทหารของภูมิภาคนี้
1. กษัตริย์ยุคแรกของ Khorezm (ก่อนศตวรรษที่ 10)
ในยุคก่อนอิสลาม อาณาจักร Khorezm ถูกปกครองโดยกษัตริย์ท้องถิ่นที่เป็นอิสระ หรือเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเปอร์เซีย เช่น จักรวรรดิ Achaemenid และ จักรวรรดิ Sassanid ก่อนจะได้รับอิทธิพลจากอาหรับและกลายเป็นรัฐอิสลาม
- Afrighids of Khwarazm (ราวศตวรรษที่ 3–995)
- เป็นราชวงศ์ที่ปกครอง Khorezm ในช่วงต้น
- สันนิษฐานว่าเป็นราชวงศ์ท้องถิ่นที่เริ่มต้นจากเมือง Toprak-Kala และ Kath
- ถูกแทนที่โดยราชวงศ์ Mamunids ในปลายศตวรรษที่ 10
2. ราชวงศ์ Mamunid (995–1017)
ราชวงศ์นี้สืบทอดอำนาจจาก Afrighids และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคอิสลามใน Khorezm
- Abu al-Abbas Mamun I (ปกครองราว 995–1009)
- เป็นผู้นำที่ส่งเสริมศาสนาอิสลามและสนับสนุนวิทยาศาสตร์
- มีความสัมพันธ์กับ จักรวรรดิ Samanid และ Ghaznavid
- Abu al-Harith Mamun II (ปกครองราว 1009–1017)
- ถูกจักรวรรดิ Ghaznavid โค่นล้มในปี 1017 ทำให้ Khorezmกลายเป็นรัฐบริวารของจักรวรรดิ Ghaznavid
3. ราชวงศ์ Khwarazmian (1097–1231) – ยุครุ่งเรืองที่สุดของ Khorezm
ราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักร Khorezm และมีอิทธิพลเหนือเอเชียกลางในศตวรรษที่ 12-13 ก่อนจะถูกทำลายโดยมองโกล
- Anushtegin Gharchai (1097–1128)
- เป็นอดีตข้าราชบริพารของจักรวรรดิ Seljuk ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ปกครอง Khorezm
- เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ Khwarazmian
- Ala ad-Din Atsiz (1128–1156)
- ปกครองในฐานะข้าราชบริพารของจักรวรรดิ Seljuk แต่พยายามกบฏเพื่ออิสรภาพ
- ขยายอาณาเขตและเริ่มสร้าง Khorezm เป็นมหาอำนาจ
- Tekish (1172–1200)
- โค่นล้มจักรวรรดิ Seljuk และทำให้ Khorezm เป็นอาณาจักรอิสระ
- มีบทบาทสำคัญในการขยายอาณาจักรและทำให้ Khorezm แข็งแกร่ง
- Ala ad-Din Muhammad II (1200–1220) – ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
- ขยายอาณาจักร Khwarazmian จนครอบคลุมดินแดนเปอร์เซีย, อัฟกานิสถาน, อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน
- มีความขัดแย้งกับจักรวรรดิมองโกล หลังจากที่เขาสั่งฆ่าผู้ส่งสารของเจงกิสข่าน
- ถูกเจงกิสข่านโจมตีอย่างหนักในปี 1220 และต้องลี้ภัย ก่อนจะเสียชีวิต
- Jalal ad-Din Mingburnu (1220–1231) – กษัตริย์องค์สุดท้ายของ Khwarazmian Empire
- เป็นบุตรชายของ Muhammad II ที่ต่อสู้กับมองโกลอย่างกล้าหาญ
- สามารถต่อต้านมองโกลได้เป็นเวลาหลายปีและพยายามฟื้นฟูอาณาจักร
- ถูกสังหารในปี 1231 ทำให้ราชวงศ์ Khwarazmian สิ้นสุดลง
4. Khiva Khanate (1511–1920) – รัฐสืบทอดของ Khorezm
หลังจากยุคของมองโกลและจักรวรรดิ Timur, Khorezm กลายเป็นรัฐข่านอิสลามที่รู้จักในชื่อ Khanate of Khiva
- Abulghazi Bahadur Khan (1643–1663)
- เป็นข่านที่มีชื่อเสียงด้านการเขียนพงศาวดารประวัติศาสตร์ Shajara-i Turk (ลำดับวงศ์ตระกูลของเติร์ก)
- ส่งเสริมวัฒนธรรมและศิลปะของ Khorezm
- Muhammad Rahim Khan II (1864–1910)
- ปฏิรูปอาณาจักร Khiva ให้ทันสมัยขึ้น
- ถูกจักรวรรดิรัสเซียควบคุมในฐานะรัฐในอารักขา
- Sayid Abdullah Khan (1918–1920) – ข่านองค์สุดท้าย
- ปกครองจนถึงปี 1920 ก่อนที่ Khiva จะกลายเป็นสาธารณรัฐประชาชนโซเวียตของ Khorezm
การรุกรานของมองโกล: จุดจบของ Khorezm
ปี 1219 เจงกิสข่านส่งทูตไปยังอาณาจักร Khorezm เพื่อทำข้อตกลงทางการค้า แต่ กษัตริย์ Ala ad-Din Muhammad II กลับสั่งฆ่าพวกเขาทั้งหมด! นี่เป็นการกระทำที่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรงกับมองโกล
ผลที่ตามมา
- เจงกิสข่านบุก Khorezm อย่างเต็มกำลัง พร้อมกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
- Urgench ถูกเผาทำลาย และประชากรหลายแสนคนถูกสังหาร
- อาณาจักรล่มสลายในเวลาเพียง 2 ปี
- กษัตริย์ Muhammad II หนีไปจนเสียชีวิตในความโดดเดี่ยว
Khorezm ไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเลย และกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอื่นๆ ต่อมา
การค้าทาสใน Khanate of Khiva
แม้ว่าอาณาจักร Khwarazmian จะถูกทำลาย แต่ในศตวรรษที่ 16 Khanate of Khiva ก็เกิดขึ้นใหม่ โดยเป็นรัฐที่มีอำนาจ แต่ชื่อเสียงของมันกลับถูกจารึกในฐานะ ศูนย์กลางการค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง
Khanate of Khiva เป็นหนึ่งในศูนย์กลาง การค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ระบบการค้าทาสมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองของคีวา โดยเฉพาะในช่วงที่อาณาจักรนี้อยู่ในจุดสูงสุด
1. การค้าทาสใน Khanate of Khiva เกิดขึ้นได้อย่างไร?
- Khanate of Khiva ตั้งอยู่ในเอเชียกลาง และมีเส้นทางการค้าเชื่อมต่อกับจักรวรรดิรัสเซีย เปอร์เซีย และอัฟกานิสถาน
- การค้าทาสใน Khiva ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ นักรบเร่ร่อน (เช่น ชาวเติร์กเมน) ที่ลักพาตัวคนจากดินแดนรัสเซีย คาซัค และเปอร์เซีย
- ทาสถูกขายในตลาดค้าทาสในเมืองหลวงของ Khiva และส่งไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เปอร์เซีย, อัฟกานิสถาน และจักรวรรดิออตโตมัน
2. ใครเป็นทาสใน Khiva?
กลุ่มคนที่ตกเป็นทาสใน Khiva มีหลายประเภท ได้แก่:
- ชาวรัสเซียและคาซัค
- ถูกลักพาตัวโดยชนเผ่าเติร์กเมนและขายเป็นทาส
- มีหลักฐานว่ามีทาสชาวรัสเซียมากถึง 30,000-50,000 คน ในช่วงศตวรรษที่ 18-19
- บางคนถูกใช้แรงงานหนักในไร่นาและบ้านของขุนนาง
- ชาวเปอร์เซีย
- ถูกจับตัวมาจากการโจมตีของข่านแห่งคีวาในดินแดนของจักรวรรดิเปอร์เซีย
- ถูกใช้เป็นข้ารับใช้ในราชสำนักและเป็นทหาร
- ชนเผ่าต่าง ๆ ในเอเชียกลาง
- ชาวอุซเบก, คีร์กีซ, เติร์กเมนบางกลุ่มที่แพ้สงครามมักถูกขายเป็นทาส
3. ตลาดค้าทาสใน Khiva
- เมืองหลวงของ Khiva มี ตลาดค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียกลาง
- ทาสถูกขายในจัตุรัสกลางเมืองและได้รับการประมูลโดยชนชั้นสูง นักรบ และพ่อค้า
- ทาสชายมักถูกใช้แรงงานในการเกษตร ขุดคลอง และก่อสร้าง
- ทาสหญิงมักถูกขายให้ขุนนางเป็นนางบำเรอหรือคนรับใช้
4. การค้าทาสกับจักรวรรดิรัสเซีย
- จักรวรรดิรัสเซียพยายามหลายครั้งที่จะหยุดการค้าทาสใน Khanate of Khiva
- ในช่วงศตวรรษที่ 18-19 กองทัพรัสเซียพยายามเข้ามากดดันข่านแห่งคีวาให้เลิกค้าทาส
- ในปี 1873, กองทัพรัสเซียบุกยึด Khiva และบังคับให้ข่านเลิกค้าทาส
- หลังจาก Khiva กลายเป็นรัฐในอารักขาของรัสเซีย การค้าทาสค่อย ๆ ลดลง
5. การเลิกค้าทาสใน Khiva
- แม้ว่ารัสเซียจะประกาศห้ามค้าทาสในปี 1873, แต่ระบบนี้ยังคงอยู่จนถึงต้นศตวรรษที่ 20
- เมื่อ Khanate of Khiva ล่มสลายในปี 1920 และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ระบบทาสจึงถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์
การล่มสลายของ Khanate of Khiva
แม้ว่า Khanate of Khiva จะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย แต่ในปี 1920 ทุกอย่างก็จบลง
- กองทัพแดงของโซเวียตเข้ายึด Khiva
- ข่านองค์สุดท้ายถูกปลดออกจากอำนาจ
- Khanate of Khiva ถูกยุบและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต
และนี่คือจุดจบของอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองมาหลายพันปี
มรดกของ Khorezm ในปัจจุบัน
แม้ว่าอาณาจักรนี้จะล่มสลายไปนานแล้ว แต่ร่องรอยของมันยังคงอยู่
- เมือง Khiva และ Kunya-Urgench ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกของ UNESCO
- วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของ Khorezm ยังคงมีอิทธิพลต่อ อุซเบกิสถานและเติร์กเมนิสถาน
- เรื่องราวของ Khorezm ยังคงถูกศึกษาในฐานะหนึ่งในตัวอย่างของอาณาจักรที่รุ่งเรืองและล่มสลายอย่างรวดเร็วที่สุด








Leave a Reply