เช้าหลังชมแสงอาทิตย์แรกสะท้อนเงาภูเขาเหมยลี่ในเต๋อชิง เราออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายใหม่ อุทยานย่าติง ดินแดนที่หลายคนเรียกว่า “แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย”
เส้นทางวันนี้ยาวไกล เรานั่งรถผ่านหุบเขาและลำน้ำมากมาย ข้างทางค่อย ๆ เปลี่ยนจากต้นไม้ใบเขียวเป็นสนสูงและทิวเขาสลับซ้อน บางช่วง อาฉี ไกด์ของเรา ชี้ไปที่แม่น้ำสายหนึ่งแล้วบอกว่า “นั่นคือต้นน้ำของแม่น้ำโขง” แม่น้ำสายเดียวกับที่ไหลผ่านบ้านเราในภาคอีสาน ผ่านลาว ผ่านเขมร จนออกทะเล
ฟังแล้วก็รู้สึกสะดุดใจเล็กน้อย ราวกับว่าแม่น้ำตรงหน้านี้ คือสิ่งเดียวกันกับที่เราเคยนั่งมองอยู่ริมน้ำโขงในไทย
นาทีนั้น เหมือนเรารู้จักกัน แม้จะเพิ่งพบหน้า
จากนั้นไม่นาน เราขับผ่านอีกสายหนึ่ง แม่น้ำจินซา ซึ่งเป็นต้นทางของ แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของจีน และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของจีนมาเป็นพันปี สายน้ำทั้งสองสายนี้ โขงและแยงซี มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเดียวกันบนที่ราบสูงทิเบต และวันนี้ เรากำลังนั่งรถเลียบไหล่เขา ผ่านแม่น้ำเหล่านี้ไปด้วยกัน
มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่สายน้ำกับเส้นทางเชื่อมโยงกันในใจฉัน
เราเดินทางไกล แม่น้ำก็เดินทางไกล
ฉันมีบ้านที่ไกลออกไปทางใต้ แม่น้ำก็เช่นกัน
และนั่นทำให้รู้สึกผูกพันกับมันอย่างประหลาด — แม่น้ำที่ฉันเคยเห็นตอนพระอาทิตย์ตกในเชียงคาน กำลังไหลผ่านตรงหน้าฉันอีกครั้ง แต่ในอีกรูปแบบหนึ่ง…ก่อนที่มันจะกลายเป็น “แม่น้ำของเรา”
การเดินเขาในย่าติงใช้เวลา สองวัน วันที่หนึ่งเป็น รูทยาว เพื่อไปยัง ทะเลสาบน้ำนม และ ทะเลสาบห้าสี พวกเรานัดออกจากโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า ซึ่งก็เลทไปจน 7.30 น.
การเดินทางเข้าสู่อุทยานไม่ใช่แค่เดินเข้าไปธรรมดา แต่มีขั้นตอนหลายชั้น ตั้งแต่นั่งรถตู้ 20 นาทีจากโรงแรม ไปต่อแถวซื้อตั๋ว (ซึ่งใช้เวลานานมากแม้เราจะมาตั้งแต่เช้า) แล้วต่อรถบัสไฟฟ้าคันใหญ่ของอุทยานอีก 70 นาที บนเส้นทางคดเคี้ยวตลอด หลังจากนั้นยังต้องเดินอีก 200 เมตรเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าคันเล็กสีเขียว จุได้ราว 15–20 คน ที่จะพาไปยังจุดเริ่มต้นการเดิน
เส้นทางเดินไปกลับรวมประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงจะไม่ไกลมาก แต่เมื่อเดินที่ระดับความสูงเกือบ 4,500 เมตร มันกลายเป็นเรื่องท้าทายทันที
ช่วงแรกทางเดินเป็นพื้นไม้ราบ ๆ แต่พอเดินได้ราว 2 กม. ฉันเริ่มรู้สึกหมดแรง มองหาเสี่ยวฉี เพื่อขอออกซิเจนกระป๋องแบบที่คนอื่นใช้กัน แต่จังหวะนั้นตรงกับเวลาอาหารกลางวันพอดี พอได้ทานข้าวไปนิดหน่อย อาการก็กลับมาดีขึ้นทันที กลายเป็นว่าที่มีนเพราะน้ำตาลตก ไม่ใช่อาการแพ้ความสูงอย่างที่คิด
หลังเติมพลัง ฉันเดินต่อ เส้นทางหลังจากนี้เป็นบันไดเหล็กชัน ที่ต้องใช้แรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างทางเห็นขยะเล็ก ๆ อย่างหัวไม้โพล ขวดออกซิเจนทิ้งไว้ตามทาง แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยเก็บถุงขยะใบใหญ่ลงมา แต่ก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ว่าการมาเยือนสถานที่ธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ควรจะทิ้งไว้แค่รอยเท้า
เราขึ้นไปยัง ทะเลสาบน้ำนม (Milk Lake) ก่อน ซึ่งดูไกลน้อยกว่าอีกฝั่ง เป็นทะเลสาบสีฟ้าน้ำนมที่สวยมาก ล้อมรอบด้วยเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์สามยอดของชาวทิเบต — เชียนหนายื่อ, ยางหม่ายหยง, และ เซี่ยนอาตัว ยอดสูงที่สุดในแถบนี้
จากนั้นค่อยเดินต่อไปยัง ทะเลสาบห้าสี ฟ้ายังไม่ใส แต่วิวโดยรอบงดงามอลังการ ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าตอนนั้นเรายืนอยู่ที่ 4,550 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เรารู้สึกดีกับทะเลสาบน้ำนมมากกว่า อาจเพราะสีของมัน หรือเพราะเป็นจุดแรกที่ใจเต้นแรงเมื่อได้เห็น
ขากลับรีบเดินเร็ว ๆ เพื่อให้ทันรถกลับ ไม่มีอาการแพ้ความสูงเลย นอกจากเมื่อยขาเล็กน้อยจากบันไดชัน ผลจากการออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยไว้มากจริง ๆ
คืนนี้เราได้ทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารในเมือง ที่อาฉีเป็นคนเลือก อาหาร 10 อย่างวางเต็มโต๊ะ พร้อมข่าวดีว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้า เป็นวันแรกของทริป
เช้าวันต่อมา เราเดิน รูทสั้น ของย่าติงแบบสบาย ๆ ตั้งใจจะไปกิน Burger King ที่อุทยาน แต่ร้านยังไม่เปิด เลยต้องพึ่งขนมที่ได้มาจากทริปดีดี
ฟ้ายังครึ้ม ฝนปรอย ๆ บางช่วง แต่วิวข้างทางกลับสดใสด้วย ใบไม้สีเหลืองทอง ตัดกับภูเขาและเมฆขาว เราเดินผ่านวัดเก่า ไปถึง ทะเลสาบไข่มุก และจุดชมวิว เซียนหน่ายรื่อ ที่แม้วันนี้จะเห็นยอดไม่ครบเพราะเมฆหนา แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนได้กลับมาเชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างนุ่มนวล
ตอนเย็นเรามาทานมื้อค่ำที่ร้านบรรยากาศดี อาหารอร่อยจนนึกไม่ถึงว่าจะได้พบในเมืองไกลขนาดนี้ — เต้าหู้ทอด ผัดไข่ ผัดกระหล่ำดอก เป็ดย่าง และอีกหลายจานที่จำชื่อไม่ได้ แต่จำรสชาติได้ขึ้นใจ
ก่อนกลับโรงแรม เราแวะเดินเล่นในเมืองสักพัก ชิมชาไข่มุกมันม่วง ที่หวานละมุนแบบพอดี ๆ เดินทอดน่องท่ามกลางแสงไฟนวล ๆ จากร้านอาหารและร้านขายของพื้นเมืองที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง กลิ่นอาหารลอยฟุ้งมากับลมเย็น ๆ ทำให้บรรยากาศเย็นวันนั้นเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
คืนนี้ฉันตัดสินใจ สระผม เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เพราะถึงแม้จะอยู่ที่สูง แต่เราก็เสร็จสิ้นภาระกิจเดินเขาเรียบร้อย อาการแพ้ความสูงที่กังวล ไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันแล้ว






Leave a Reply