เริ่มต้นวันด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม ก่อนจัดกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กลงเป้ใบใหญ่ ฝากสัมภาระไว้กับโรงแรม แล้วออกมายืนมองซ้ายขวาหาทางไปสถานีเมโทร โชคดีที่คุณลุงแท็กซี่หน้าโรงแรมช่วยชี้ทางให้—สถานี Amir Timur อยู่ถัดไปเพียงนิดเดียว
สำรวจความงามของเมโทรทาชเคนท์
สถานีรถไฟเมโทร ของอุซเบกิสถานนั้นมีชื่อในความสวยงามไม่ต่างกับของกรุงมอสโก จึงใช้เวลาช่วงเช้านี้ hop on – hop off เพื่อเที่ยวชมสถานีต่างๆ เสียหน่อย การใช้บริการเมโทรก็มีค่าโดยสารเพียง 1,400 UZS (ไม่ถึง 5 บาทไทย) จะขึ้นกี่สถานีก็ได้ตราบที่ยังไม่ออกจากระบบ เมโทรทาชเคนท์ถือเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากยุคโซเวียต สถานีบางแห่งตกแต่งหรูหรา คล้ายกับเมโทรในมอสโคว์ แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แบบอุซเบกิสถาน การออกแบบสถานีเหล่านี้สะท้อนถึงความภาคภูมิใจของชาติ และแสดงถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอุดมการณ์ในช่วงสมัยโซเวียต
ในอดีต การถ่ายภาพภายในเมโทรถือเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากสถานีเมโทรถูกใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพได้อย่างอิสระ แม้ว่าจะยังเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราอย่างเข้มงวดอยู่ก็ตาม
ปัจจุบันระบบเมโทรของทาชเคนท์มีทั้งหมด 4 สาย ได้แก่:
- สายสีแดง (Chilonzor Line)
- สายสีน้ำเงิน (Uzbekistan Line)
- สายสีเขียว (Yunusabad Line)
- สายสีเหลือง (Circle Line – กำลังขยายเพิ่ม)
ฉันเดินเข้าออก ชมเกือบทุกสถานีที่มีลิสต์รายชื่อความสวยงาม พร้อมกับได้เห็นวิถีชีวิต ผู้คนชาวอุซเบคไปในตัว มีสถานีที่น่าสนใจอยู่กระจายตามเส้นทางต่างๆ เช่น:
- สถานี Kosmonavtlar (Uzbekistan Line) – ธีมอวกาศ ตกแต่งด้วยภาพโมเสกของนักบินอวกาศโซเวียต
- สถานี Alisher Navoi (Uzbekistan Line) – ศิลปะสไตล์ตะวันออก แรงบันดาลใจจากกวีนิพนธ์ของกวีเอกชาวอุซเบก
- สถานี Pakhtakor (Chilonzor Line) – ชื่อหมายถึง “คนเก็บฝ้าย” สื่อถึงอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
- สถานี Mustaqillik Maydoni (Uzbekistan Line) – อยู่ใกล้จัตุรัสเอกราชของอุซเบกิสถาน
- สถานี Gafur Gulom (Uzbekistan Line) – มีภาพวาดและงานศิลป์ที่สะท้อนวรรณกรรมอุซเบก






หลังจากสำรวจสถานีเมโทรต่างๆ ได้เวลาหาอาหารท้องถิ่นลิ้มลอง
ลิ้มรส Plov ที่ Besh Qozon
Plov (ข้าวผัดเนื้อ) ถือเป็นเมนูประจำชาติของอุซเบกิสถาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยเส้นทางสายไหม ซึ่งพ่อค้าต้องการอาหารที่สามารถเก็บได้นานและให้พลังงานสูง Plov จึงกลายเป็นเมนูสำคัญที่มักปรุงด้วยข้าว เนื้อ (โดยเฉพาะเนื้อแกะหรือเนื้อวัว) แครอท หัวหอม และเครื่องเทศอย่างซัฟฟรอนและยี่หร่า เมนูนี้ยังถูกใช้ในพิธีสำคัญ เช่น งานแต่งงาน งานเฉลิมฉลอง และพิธีทางศาสนา ถือเป็นสัญลักษณ์ของการต้อนรับแขกอย่างอบอุ่นในวัฒนธรรมอุซเบก
ฉันเลือกลองที่ร้านดัง Besh Qozon ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง Plov ที่ปรุงด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม เตาถ่านขนาดใหญ่ใช้ปรุงข้าวในกระทะเหล็กหนักขนาดยักษ์ กลิ่นเครื่องเทศลอยอบอวลไปทั่วร้าน เมื่อเสิร์ฟออกมา หน้าตาของจานนี้ดูน่ากินไม่น้อย—เนื้อวัวนุ่ม วางบนข้าวที่แยกเม็ดสวย คลุกเคล้ากับแครอทและหัวหอมที่ให้รสหวานเล็กๆ พนักงานแนะนำให้สั่งสลัด ชา (ที่นี่เรียกว่า “เต” – Te) และขนมหวานมาทานคู่กัน
รสชาติ Plov ค่อนข้างมันและหนักเครื่องเทศ ข้าวมีความกรุบเล็กน้อย ไม่ถึงกับแข็งแบบ Paella ของสเปน เป็นรสชาติที่เข้มข้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นจานข้าวผัดที่ค่อนข้างหนักท้อง แม้ว่าฉันจะยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าทำไมเมนูนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่จากการได้สัมผัสบรรยากาศของร้าน เห็นความพิถีพิถัน อลังการในการปรุง ก็พอจะทำให้ฉันเห็นถึงความสำคัญของ Plov ในวัฒนธรรมอุซเบกิสถาน อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันแล้ว Plov จานนี้ค่อนข้างมันเกินไป แต่ฉันก็ได้ยินมาว่า แต่ละเมืองในอุซเบกิสถานมี Plov ที่เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง บางแห่งอาจมีรสชาติเบากว่าหรือมีวัตถุดิบที่แตกต่างกัน ฉันจึงคิดว่าคงต้องให้โอกาส Plov อีกครั้งในเมืองอื่น และค้นหารสชาติที่อาจถูกใจฉันมากกว่านี้
อิ่มจากมื้อหนัก ฉันเตรียมตัวเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป Hazrat Imam Square

Hazrat Imam Square – คัมภีร์อัลกุรอานเก่าแก่ที่สุดในโลกใน Muyie Muborak Library
อิ่มท้องจาก Plov แล้ว ฉันนั่งแท็กซี่ไปยัง Hazrat Imam Square จุดหมายทางศาสนาที่สำคัญของทาชเคนท์ และเป็นที่ตั้งของ Muyie Muborak Library ที่เก็บรักษาคัมภีร์อัลกุรอานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คัมภีร์นี้เชื่อกันว่ามีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 7 และว่ากันว่าเคยเป็นของกาหลิบอุสมาน (Caliph Uthman) ผู้นำศาสนาอิสลามคนที่สาม ขนาดของคัมภีร์เล่มนี้ใหญ่โต วางอยู่กลางห้อง ให้ความรู้สึกขลังและน่าเกรงขาม แม้ไม่แน่ใจว่านี่คือของจริงหรือไม่ แต่เพียงได้เห็นก็นับเป็นบุญตาแล้ว
ก่อนเข้าไปชม ผู้เข้าชมจะต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้หญิงควรสวมผ้าคลุมศีรษะและชุดที่ปกปิดมิดชิด ขณะที่ผู้ชายควรแต่งกายสุภาพ ไม่สวมกางเกงขาสั้น บรรยากาศภายในเงียบสงบและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ทางศาสนา
อากาศดี ทำให้พื้นที่กว้างขวางของจัตุรัสกลายเป็นเหมือนสนามเด็กเล่น เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ช่วยเติมชีวิตชีวาให้สถานที่แห่งนี้ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสงบและศรัทธา มีนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมาเยือนไม่ขาดสาย แต่ไม่ถึงกับแออัด ทำให้สามารถเดินชมและถ่ายภาพได้อย่างสบายๆ
นอกจาก Muyie Muborak Library ที่เก็บรักษาคัมภีร์อัลกุรอานที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแล้ว ที่นี่ยังมี Barak-Khan Madrasah โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามโบราณที่มีอายุกว่า 500 ปี และ Tilla Sheikh Mosque ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา มัสยิดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยังคงใช้เป็นสถานที่ละหมาดหลักของชาวมุสลิมในเมือง
จนกระทั่งแดดเริ่มร้อนเกินกว่าจะนั่งพักแถวมัสยิด แต่ฉันยังอดไม่ได้ที่จะยืนชื่นชมสถาปัตยกรรมอันงดงาม โดมสีฟ้าสดใสตั้งตระหง่านสะท้อนแสงอาทิตย์อย่างงดงาม ตัวมัสยิดด้านหน้าทำจากไม้แกะสลักอย่างวิจิตร หอมินาเร็ตสูงเสียดฟ้าเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับพื้นที่แห่งนี้ การออกแบบภายในเต็มไปด้วยลวดลายอาหรับและกระเบื้องเคลือบสีฟ้าสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมอุซเบก นอกจากอาคารเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อขยายบริเวณให้กว้างขวางขึ้นอีกด้วย

บริเวณรอบๆ มัสยิดดูเหมือนเป็นชุมชนเก่าแก่ เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านชา และตลาดขนาดเล็กที่ขายสินค้าเกี่ยวกับศาสนาและงานหัตถกรรมท้องถิ่น ส่วนด้านหน้าที่ติดกับถนนใหญ่กลับเต็มไปด้วยความคึกคักของผู้คนที่สัญจรไปมา เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ศาสนา และวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างลงตัว
เดินชมบรรยากาศรอบๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน และเตรียมตัวเดินทางต่อไป Nukus
ผ่านมา 1 วัน ยอมรับว่าที่นี่ไม่มีตลาดมืดสำหรับแลกเงินอย่างที่เคยได้ยินมา อุซเบกิสถานเคยมีตลาดมืดสำหรับแลกเปลี่ยนเงินตรา เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินท้องถิ่น แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลอุซเบกิสถานได้ดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เปิดเสรีทางการเงิน และทำให้ระบบแลกเปลี่ยนเงินตรามีความโปร่งใสมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดมืดค่อยๆ หายไป
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถแลกเปลี่ยนเงินตราได้ผ่านช่องทางที่เป็นทางการ เช่น ธนาคาร โรงแรม และเครื่องแลกเงินอัตโนมัติ แต่อาจจะมีความแตกต่างเล็กน้อยในอัตราแลกเปลี่ยน
เงินที่แลกไว้ 100 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ดูท่าจะไม่พอ เลยตัดสินใจว่าจะกลับมาแลกที่ร้านแลกเงินในโรงแรมเพิ่มอีก 200 ดอลลาร์ แต่วันนี้ร้านแลกเงินของโรงแรมปิดอีกแล้ว โชคดีที่วันนี้ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นว่ามีเครื่องแลกเงินอัตโนมัติอยู่บริเวณทางเข้าห้องน้ำ แต่อัตราแลกเปลี่ยนต่ำกว่าร้านแลกเงินนิดหน่อย จากปกติ 11,360 UZS ต่อดอลลาร์ เหลือ 11,200 UZS ก็เลยได้ทดลองใช้งานเครื่องแลกเงินซะหน่อย – มีเงินไหลออกมาจริงๆ ด้วย
ความสับสนเรื่องสนามบิน – International หรือ Domestic?
ถ้าฉันเชื่อคนขับแท็กซี่ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องลำบากเช่นนี้ เขาถามว่าฉันต้องไป Domestic Terminal หรือไม่ เพราะไป Nukus แต่ฉันดันเชื่อตั๋วเครื่องบินที่ระบุว่า International Airport 3 จึงให้ไปส่งที่ International Airport สนามบินที่ฉันมาถึงเมื่อวานนี้ตอนเช้า แล้วมันก็ผิดจริงๆ เจ้าหน้าที่ Information บอกว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะตั๋วเครื่องบินไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็น Domestic Terminal ทำให้หลายคนมาผิดที่ เธอบอกให้ฉันออกไปหารถแท็กซี่ข้างนอกหรือนั่งรถบัสไปแทนเพราะ Domestic Terminal อยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร
เดิมทีฉันตั้งใจจะเรียกรถแท็กซี่จาก Yandex Taxi แต่กลับค้นหาปลายทางไม่เจอ ขณะนั้นมีแท็กซี่สนามบินหลายคนเข้ามารุมถาม ฉันขอหยุดพักหายใจและหาข้อมูลเองก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายรถเมล์ริมถนนหน้าประตูสนามบิน จึงรีบเดินไปยืนสงบใจและเปิด Google Maps พบว่าจะมี รถบัสสาย 11 และ 77 ที่สามารถพาฉันไป Domestic Terminal โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ยืนรอไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียกจากรถบัส หันไปมอง เห็นรถบัสสาย 77 กำลังวิ่งเข้ามา ฉันจึงกระโดดขึ้นรถไปทันที ค่าโดยสารเพียง 2,000 UZS เท่านั้น
สนามบิน Domestic Terminal นี้ค่อนข้างเล็กๆ ดูเงียบเหงา ฉันรู้สึกโชคดีที่เผื่อเวลาเดินทาง เลยไม่ต้องตื่นเต้นหรือลนลาน เมื่อเห็นตารางเที่ยวบินไป Nukus ฉันก็เบาใจว่าสำหรับคืนนี้ ไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว
Nukus แสนคึกคัก
เที่ยวบินเต็มไปด้วยผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้แสวงบุญ แต่งกายมีเอกลักษณ์ ผู้หญิงในชุดขาวคลุมศีรษะ ผู้ชายสวมหมวกทรงกระบอก บรรยากาศไม่ถึงกับวุ่นวาย แต่เป็นภาพสะท้อนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอุซเบกิสถานที่เดินทางเพื่อภารกิจทางศาสนา ระบบระเบียบในการเดินทางดูจะถูกละเลยไปบ้าง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างง่ายๆ บางคนคุยโทรศัพท์เสียงดัง บางคนเปิดดูคลิปในมือถือโดยไม่ใช้หูฟัง แม้แต่พนักงานก็เสิร์ฟน้ำให้ผู้โดยสารไปคุยไปอย่างคุ้นเคยเป็นกันเอง ไม่เข้มงวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ยังคงปฏิบัติตามกฎพื้นฐาน และให้ความเคารพต่อกัน ทำให้บรรยากาศโดยรวมไม่ถึงกับวุ่นวายจนเกินไป
เมื่อเครื่องลงจอดที่ Nukus ฉันต้องตกใจกับภาพผู้คนจำนวนมากที่มารอรับญาติพี่น้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงเรียกชื่อกัน ดอกไม้ช่อใหญ่มาต้อนรับ และการโอบกอดของผู้คนที่เหมือนไม่ได้พบกันมานาน เห็นแล้วก็รู้สึกยินดีไปกับพวกเขาที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น
ฉันเดินฝ่าฝูงชนออกมา พร้อมเป้ใบใหญ่ มุ่งหน้าไปยังที่พัก Ratmina ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 450 เมตร บอกปัดเหล่าแท็กซี่ที่รุมเสนอให้ไปส่ง แต่แล้วก็มีเสียงเรียกตามหลัง เป็นคนขับแท็กซี่ชื่อ Ali เขาเสนอให้พาฉันไปเที่ยว Moynaq เมืองแห่งทะเลสาบอารัลที่เหือดแห้ง ฉันสนใจแต่ไม่อยากรีบร้อนตัดสินใจตอนกลางคืน จึงขอ WhatsApp ไว้แล้วนัดคุยกันอีกทีพรุ่งนี้
ระหว่างเดินมาที่พัก ฉันสังเกตว่า Nukus ดูเจริญกว่าที่คิด มีสวนสาธารณะข้างๆ ตึกอาคารบ้านเรือนสูงใหญ่ ไฟถนนส่องสว่างเต็มทางเดิน ที่สี่แยกใหญ่มีไฟแดง ฉันหยุดรอจังหวะ แต่เกือบโดนรถชน เพราะที่นี่การข้ามถนนดูจะต่างจากที่คุ้นเคยในบ้านเรา อากาศเย็นสบาย 18 องศาเซลเซียส ในยามค่ำคืน เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ในกระเป๋าอาจจะเตรียมมามากเกินไปซะแล้ว








Leave a Reply