Nim Journey

A Legend of Travel

ข้าม Larke Pass จุดสูงสุดของเส้นทาง Manaslu Circuit
Posted in ,

การเดินทางในเส้นรอบมานัสลู (Manaslu Circuit) จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเส้นทางอยู่ที่ ช่องเขาลาเก้ (Larke Pass) อันเป็นจุดสูงที่สุดของเส้นรอบนี้ มีความสูง 5106 ม. จากนั้นจะเดินลงเขาเพื่อไปพักที่หมู่บ้านบิมทัง (Bimtang)

เส้นไหนสวยกว่ากัน ยากกว่ากัน เป็นคำถามที่นักเดินเขาตั้งคำถามเพื่อเปรียบเทียบระหว่างเส้นทาง Annapurna Circuit (AC) กับ Manaslu Circuit (MC) เสมอ ซึ่งหากเป็นคนที่ชื่นชอบการเดินเขาเป็นพิเศษ ก็คงจะไม่ตั้งคำถามนั้น เพราะ เขาจะเดินทั้งสองเส้นทางไปเลย

เส้นทาง AC และ MC สามารถเดินควบคู่รวดเดียวกันโดยใช้เวลาประมาณ 21-30 วัน ส่วนใหญ่จะตั้งต้นที่เส้นทาง MC ก่อน แล้วไปจบที่ AC ซึ่งระหว่างทางเราพบหลายคนที่เดินควบรูทแบบนี้ ในเส้น MC นั้นจุดที่สูงสุดจะมีความสูง 5106 เมตร ส่วน AC จะมีความสูงสุดที่ช่องเขาโทรอง 5416 เมตร แต่ความต่างที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การเดินในเส้นทาง Manaslu Circuit มีข้อกำหนดที่เคร่งครัดว่าจะต้องมีไกด์นำทาง และในกลุ่มจะต้องมีนักเดินเขาอย่างน้อย 2 คน (ในทางปฎิบัติสามารถไปคนเดียวก็ได้ แต่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาติ สำหรับ 2 คน ) ส่วนในเส้นทาง AC นักเดินเขาสามารถเดินเองตามเส้นทางได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องมีไกด์

ฉันเองก็ตั้งคำถามถึงความแตกต่างของทั้งสองเส้นทางกับไกด์ในวันแรกที่ออกเดินเช่นกัน แต่คำตอบที่ได้ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับการได้จบเส้นทางทั้งสองนี้ด้วยตัวเอง

  • เส้นทาง MC ใช้เวลาเดินเทรคที่ยาวกว่า แต่ใช้เวลาในคืนการข้ามพาสสั้นกว่า
  • เส้นทางเทรค MC สมบุกสมบัน มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่กลับเป็นในเส้นนี้เองที่ฉันเริ่มเห็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลงของเส้นทางเทรคในเนปาล เมื่อได้พบกับทีเฮ้าส์ (Tea House) ค่อนข้างหรูที่ หมู่บ้าน Namrung ไกด์บอกว่า ตอนนี้คนเนปาลเองก็หันมาเดินเทรคมากขึ้น ซึ่งคนเนปาลสามารถเดินเทรคเส้นนี้โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดเรื่อง Permit และเดินอิสระโดยไม่มีไกด์ ดังนั้นจะมีที่พักที่สะดวกสบาย ดีดี และราคาแพงเพื่อให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้
  • เส้นทาง MC จะเป็นเส้นทางที่ได้เห็นความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น คนทิเบตในภูเขามากกว่าเส้น AC
  • อาหารการกินในเส้น MC จะเรียบง่าย ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ให้ทาน แบบเส้นทาง AC
  • วันข้ามพาสของ MC ง่ายกว่า เนื่องจากสั้นกว่า และความสูงที่น้อยกว่า AC

การเดินทางกับโชค

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเดินเทรคในเนปาลมี 2 ช่วงคือ ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน-พฤศจิกายน)

เราเลือกมาเดินในช่วงเดือนเมษายน อากาศค่อนข้างร้อนในพื้นที่ที่ระดับความสูงไม่เกิน 3000 เมตร เส้นทางบนภูเขาอากาศจะแจ่มใสในช่วงเช้า แต่ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวน และอาจเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้ เราเจอฝน 2-3 วันซึ่งตกในช่วงบ่ายแต่พอตอนเช้าอากาศก็สดใส

พอขึ้นสู่ระดับความสูงกว่า 3000 เมตร เริ่มต้องใส่เสื้อตัวหนากันหนาว ยิ่งขึ้นสูงมากยิ่งหนาวมากขึ้นและจะพบกับลมแรงจัด วันที่ข้ามพาสเราพบว่าพยากรณ์อากาศไม่ค่อยดีนัก ตอนกลางคืนลมแรงดูเหมือนมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง ของอากาศ แต่ปรากฎว่าตอนเช้าอากาศยังคงแจ่มใสเหมือนทุกวัน

เราข้ามพาสด้วยความหนาวเหน็บ และลมแรงจัดซึ่งเป็นเรื่องปกติของช่องเขานี้ ใช้เวลา 3.30 ชั่วโมงไปจนถึงพาส และใช้เวลารวมเจ็ดชั่วโมงกว่าไปถึงร้านอาหารที่ Bimtang Phedi หลังทานอาหารเที่ยงเราพบว่าท้องฟ้าครึ้มจัด หิมะเริ่มตกก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่หมู่บ้านบิมทัง (Bimtang) แล้วก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อนไปตลอดทั้งคืน เป็นคืนที่พวกเรานักเดินเขาทุกคนต้องมานั่งรวมตัวในห้องอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อรับความอบอุ่นจากเตาผิงไฟกลางห้องทานอาหาร เสียงหิมะและลมพัดอู้อย่างหนัก ฟังเสียงแล้วถือว่าเป็นวันและคืนที่อากาศเปลี่ยนแปลงมากที่สุดใน 20 กว่าวันของทริปนี้ ไกด์ของเราเอ่ยปากว่าโชคดีมากที่หิมะตกหนักหลังจากวันที่เราข้ามพาสเรียบร้อยแล้ว เขาเคยพบเหตุการณ์ที่หิมะตกในคืนก่อนข้ามพาส แล้วต้องใช้เวลาข้ามพาสนานกว่าปกติและเดินยาก ทำให้ฉันนึกถึงนักเดินเขาที่กำลังตามมาและคืนนี้พวกเขานอนค้างกันที่เบสแค้มป์ฝั่งโน้นว่าพรุ่งนี้คงเป็นงานยากสำหรับพวกเขาทีเดียว …นับว่าเรามีโชคกับการเดินเทรค

แต่หิมะตกหนักคืนนี้ ฉันกลับไม่ค่อยกังวล และเชื่อว่าพรุ่งนี้อากาศจะดี จนกระทั่งฉันและเพื่อนๆจะได้พบกับหน้าตาใหม่ของหมู่บ้านบิมทัง เพราะฉันเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วในวันที่เดินเทรคไปทะเลสาบทิลิโช

เป็นจริงดังที่คาด และเป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าโชคของฉันกับภูเขายังดีต่อกันไม่น้อย ด้วยวิวขาวโพลนของหิมะหนาเมื่อเปิดหน้าต่าง ประตูห้องออกมา หมู่บ้านบิมทัง ท่ามกลางหิมะสวยกว่าเมื่อวานหลายสิบเท่า แสงแดดเช้าส่องประกายสดใส เราออกเดินย่ำหิมะหนาเพื่อลงเขา ย่อมสบายกว่าย่ำหิมะหนาเพื่อขึ้นเขา หิมะขาวบนยอดสูงสวยงามกลายเป็นความงามธรรมดาตามปกติ แต่หิมะที่หมู่บ้านบิมทังเป็นเรื่องของโชค และของขวัญที่ได้รับจากการเดินเทรคครั้งนี้ ไกด์ยังบอกฉันอีกว่า สำหรับเขาแล้วส่วนที่สวยที่สุดของเส้นมานัสลูเซอร์กิต (Manaslu Circuit) คือจาก Bimtang ลงไปถึงหมู่บ้านโกว (Goh) ถึงแม้ว่าจะไม่มีหิมะแบบนี้ก็สวย แต่ในวันที่มีหิมะตกแบบวันนี้ เส้นทางนี้ยิ่งสวยและน่าประทับใจ

ฉันยอมรับว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นจริงทีเดียว

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.