Nim Journey

A Legend of Travel

Diyarbakir – เมืองที่ไม่ได้อยู่ในแผน แต่ได้อยู่ในใจ
Posted in , , ,

เมืองของชาวเคิร์ด ริมฝั่งแม่น้ำไทกรีส

Diyarbakir เป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทกรีส (Tigris) — แม่น้ำสายสำคัญที่คุ้นชื่อคู่กับแม่น้ำยูเฟรตีส (Euphrates) ในหนังสือเรียนสมัยเด็ก สองสายนี้คือเส้นเลือดของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ที่ทำให้มนุษย์รู้จักการตั้งถิ่นฐาน เกษตรกรรม และบ้านเมือง

เมืองนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายและความย้อนแย้งในตัวเอง เป็นเมืองโบราณที่ห่อหุ้มด้วยกำแพงเมืองสีดำที่สร้างจากหินบะซอลต์ ซึ่งยังคงยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองสมัยใหม่ รถราแน่นขนัด เสียงแตรรถดังระงม แต่กำแพงโบราณกลับยังสงบ เฝ้ามองเมืองมาหลายร้อยปี

ประชากรส่วนใหญ่ในเมืองคือ ชาวเคิร์ด ชนกลุ่มน้อยที่มีภาษา วัฒนธรรม และอัตลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขาไม่มีประเทศของตัวเอง แต่กระจายกันอยู่ในตุรกี อิรัก อิหร่าน และซีเรีย Diyarbakir จึงถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชาวเคิร์ด” ในตุรกี ที่นี่เคยมีปัญหาความตึงเครียดกับรัฐบาลในเรื่องสิทธิและพื้นที่ ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลถ้าจะมาเมืองนี้

ระหว่างเดินเที่ยวในเมือง ฉันยังเห็นรถทหารวิ่งผ่านเป็นระยะ มีจุดตรวจตามทาง แต่สิ่งที่สัมผัสได้กลับตรงกันข้ามกับภาพในข่าว ผู้คนยิ้มแย้ม เป็นมิตร และเต็มไปด้วยน้ำใจ พวกเขาดูภูมิใจในบ้านเกิดของตัวเอง พร้อมจะเล่า พร้อมจะพาเดิน

เช้าวันใหม่ใน Diyarbakir เริ่มต้นด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าเริ่มตั้งร้าน กลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยมาตามลม ฉันเดินเข้าเมืองเก่า ปล่อยตัวให้ไหลไปตามตรอกซอกซอยเรื่อยๆ จนมาถึง Caravansarai — อดีตที่พักของกองคาราวานที่วันนี้กลายเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ บรรยากาศคลาสสิกมาก เสาหินหนาๆ รายล้อมลานกว้างตรงกลาง ที่ยังคงความสงบแบบโอเอซิสกลางเมือง

และที่มุมนั้นเอง ฉันได้พบกับ อาเหม็ด — ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆ เปิดร้านขายชาและกาแฟ เขาเข้ามาทักด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงตุรกี พร้อมรอยยิ้มจริงใจ บอกว่าอยากฝึกภาษา แล้วชวนฉันว่า
“ให้ผมเป็นไกด์ไหม? แค่ 100 ลีราตุรกี”

ฟังแล้วก็ขำๆ ไม่ได้แพงอะไร และดูเขาจะตั้งใจจริง เลยตกลงไปกับเขา คิดว่าอย่างน้อยก็จะได้ไม่เดินเปะปะคนเดียว

อาเหม็ดพาฉันเดินเที่ยว Grand Mosque มัสยิดเก่าแก่ของเมือง หลังคาโดมสีเข้ม ลานหินสีเทาเงียบสงบ แล้วพาเดินต่อขึ้นไปบน กำแพงเมือง ที่ทอดยาวสุดสายตา เราไปถึงจุดหนึ่งที่มองเห็นแม่น้ำไทกรีสทอดตัวยาวอยู่เบื้องล่าง ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองลงไปที่แม่น้ำสายเดียวกับที่เคยอ่านชื่อในแบบเรียนประวัติศาสตร์ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเราเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ลึกซึ้งกว่าที่เคย

เขาพาฉันเดินต่อขึ้นไปบน กำแพงเมือง ที่ทอดยาวสุดสายตา หนาแน่นด้วยหินบะซอลต์สีเข้มที่ดูแข็งแกร่งจนเหมือนจะรับรู้ได้ถึงเรื่องราวที่มันผ่านมากว่า 1,500 ปี

จากนั้นเราหยุดที่จุดหนึ่งบนกำแพง แล้วชี้ไปยังแผ่นหินสลักซึ่งมีตัวอักษรเก่าๆ สลักไว้ บนแผ่นนั้นมีคำว่า “Seljuk” บอกให้รู้ว่าจักรวรรดิ Seljuk เคยเดินทางมาถึงเมืองนี้แล้ว ทิ้งร่องรอยไว้บนกำแพงแห่งนี้เหมือนเป็นลายเซ็นประวัติศาสตร์

จักรวรรดิ Seljuk คือชนชาตินักรบเชื้อสายเติร์กที่ครั้งหนึ่งเคยครองดินแดนกว้างใหญ่จากเอเชียกลางจรดอนาโตเลียในช่วงศตวรรษที่ 11–13 เป็นยุคที่ศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอิสลามรุ่งเรืองอย่างมาก

อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงจุดตัดของกาลเวลา — ข้างหนึ่งคือภาพแม่น้ำไทกรีสที่เคยเลี้ยงดูอารยธรรมโบราณ อีกข้างคืออักษรของ Seljuk ที่เตือนให้รู้ว่าเมืองนี้เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ของหลายจักรวรรดิ และตัวฉันเอง… ก็เป็นเพียงนักเดินทางตัวเล็กๆ ที่ได้มาเหยียบรอยเท้าเหล่านั้นชั่วครู่เดียว

อาเหม็ดบอกว่าเขาอยากพาฉันไปอีกหลายที่ แต่หลายแห่งก็ปิดเพราะวันหยุด เราเลยเปลี่ยนแผน เป็นการเดินเล่น คุยกันเรื่องบ้านเกิด ความสนใจ เขาสอนคำทักทายภาษาเคิร์ด และแน่นอนว่าฉันสอนภาษาไทยง่ายๆ อย่างสวัสดี ให้เขาลองพูด

ก่อนจากกัน ฉันกำลังจะออกรถไป Mardin
แต่อาเหม็ดหอบกระเป๋าใบเล็กๆ มาด้วย แล้วพูดว่า
“ระหว่างทางมีที่นึงที่ผมอยากให้คุณเห็น… ป้อม Zerzevan”

ฉันหัวเราะออกมา “จะตามไปจริงเหรอ?”
เขาพยักหน้า “ผมไม่เคยออกจาก Diyarbakir ไปไหนเลย ป้อม Zerzevan นี่สวยมาก ผมอยากไปพอดี และจะได้พาคุณไปชมด้วย”

เขาดูท่าทางไม่มีพิษภัยอะไร เราจึงออกเดินทางต่อด้วยกัน จากเมืองที่ไม่ได้อยู่ในแผน สู่ถนนที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเจออะไรต่อไป

ระหว่างทางจาก Diyarbakir ไป Mardin เราแวะที่ Zerzevan Castle — ป้อมปราการโรมันโบราณอายุกว่า 3,000 ปี ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2020
ป้อมตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าและท้องฟ้ากว้างใหญ่ เดินชมซากอิฐหินที่เรียงตัวอย่างมีจังหวะ นั่งมองถนนสายใหญ่ที่ทอดยาวผ่านหน้าป้อม

แม้ที่นี่จะอยู่ห่างจากเมืองหลวง ใกล้ชายแดน และเป็นจุดที่เคยมีความขัดแย้งทางการเมือง แต่ถนนสายนี้กลับดีเกินคาด ราบเรียบจนแทบไม่เชื่อสายตา ฉันเปิด Google Maps ดูพิกัด แล้วยิ้มขำให้ตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้ ฉันจะมานั่งอยู่แถวนี้

ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ กับความบ้าบอของตัวเอง ที่พาตัวเองมาถึงที่ห่างไกลขนาดนี้

บางครั้ง… เมืองที่ไม่ได้อยู่ในแผน
คนที่เจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
หรือทางแยกที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ
อาจกลายเป็นความทรงจำที่อยู่ในใจไปอีกนานแสนนาน

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.