Nim Journey

A Legend of Travel

แสงแรกที่ขอบฟ้า บนยอดเขาเนมรุต
Posted in , , ,

หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพถ่ายหินรูปหัวคนขนาดใหญ่ที่ถูกวางระเกะระกะกระจายอยู่บนพื้นดิน ภาพแปลกตานั้นทำให้ยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามันอยู่บนยอดเขาสูง ห่างไกลจากบ้านเรือนชุมชน

ชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมเหล่าเทพ บนยอดเขาเนมรุต ตุรกี

ทำไมมันจึงอยู่บนนั้น? อยู่มานานแค่ไหน? และไปอยู่บนนั้นได้อย่างไร?

เป็นอีกสถานที่น่าสนใจที่แทบจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่รูปปั้นเหล่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญตั้งแต่สมัยออตโตมาน เมื่อมีการสำรวจเส้นทางเพื่อการเดินทางขนส่งโดยชาวเยอรมันชื่อ Karl Puchstein ในปี 1881

ฉันเห็นภาพถ่ายหินรูปหัวคนนี้เป็นครั้งแรกเมื่อไปเที่ยวตุรกีในเดือนธันวาคม 12 ปีที่แล้ว เป็นรูปถ่ายที่ติดอยู่ในที่พักแบบถ้ำเมืองคัปปาโดเกีย ฉันรีบถามเจ้าของที่พักทันทีเมื่อได้เห็นรูปถ่ายนี้ แต่พอได้ทราบว่าต้องนั่งรถต่อมาอีกหลายชั่วโมงข้ามคืน และช่วงเดือนธันวาคมมีหิมะตกหนักทำให้การเดินทางยากลำบาก ฉันก็ได้แต่มองภาพด้วยความเสียดายและตั้งใจว่าสักวันจะต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้ การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่รอคอย


เมืองอาดิยามัน (Adıyaman) อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวทั่วไปเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อย่างอิสตันบูลหรือคัปปาโดเกีย แต่ที่นี่ซ่อนมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้มาเยือนไม่อาจลืมเลือน ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรคอมมาเกเน (Commagene) อาณาจักรโบราณที่รุ่งเรืองในยุคเฮลเลนิสติก และเป็นที่ตั้งของยอดเขาเนมรุต (Mount Nemrut) หนึ่งในจุดหมายที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

เริ่มต้นการเดินทาง: สัมผัสรสชาติอาดิยามัน

คืนก่อนออกเดินทาง ฉันเลือกที่จะลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในเมืองอาดิยามัน ร้านเคบับแห่งหนึ่งมีกลิ่นหอมของเนื้อย่างที่อบอวลอยู่ในอากาศ เคบับที่นี่เสิร์ฟพร้อมขนมปังนุ่ม ๆ ผักสด และโยเกิร์ตเย็น ๆ ที่ช่วยตัดรสได้เป็นอย่างดี มื้อเย็นนี้ไม่ใช่แค่การเติมพลังสำหรับวันพรุ่งนี้ แต่เป็นการสัมผัสวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน พร้อมกับใช้เวลาผ่อนคลายก่อนการเดินทางที่รออยู่ข้างหน้า

ออกเดินทางสู่เนมรุต: การเดินทางย้อนเวลาสู่ยุคโบราณ

รถออกจากตัวเมืองในเวลา 03:45 น. ค่าเดินทางไปกลับอยู่ที่ 350 ลีรา ระหว่างทาง คนขับรถพาเราแวะร้านขนมปังท้องถิ่นที่อบสดใหม่จากเตาดิน ขนมปังซิมิต (Simit) โรยงากรุ่นหอมกับชาร้อน ๆ ทำให้เช้าที่เงียบสงบมีชีวิตชีวาขึ้นมา

สองข้างทางเป็นภูมิประเทศแบบแห้งแล้ง ทว่ามีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง หมู่บ้านเล็ก ๆ กระจายตัวอยู่เป็นระยะ วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่เรียบง่าย หลายบ้านยังคงใช้วิธีทำเกษตรแบบดั้งเดิม เป็นภาพที่พาให้ย้อนคิดถึงอดีตกาลที่ผู้คนในดินแดนแห่งนี้เคยรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของกษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 แห่งคอมมาเกเน

ใช้เวลาขับรถขึ้นเขาประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะถึงจุดจอดรถ และต้องเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขาต่อ

เรื่องราวของยอดเขาเนมรุต: ศาสนา อำนาจ และมรดกแห่งกาลเวลา

ภูเขาเนมรุตตั้งอยู่ระหว่างเมือง Gaziantep จนถึงเมือง Adiyaman ในอดีตเป็นพื้นที่ของอาณาจักรคอมมาเกเน (Commagene) ในศตวรรษที่ 1-2 ก่อนคริสตกาล โดยกษัตริย์มิธาดาเทส (Mithradates) ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของอเล็กซานเดอร์มหาราช รูปปั้นบนภูเขาสะท้อนศิลปะเปอร์เซียและกรีก และเป็นสถานที่ฝังศพของกษัตริย์แอนติโอคัส (Antiochus) ที่ต้องการให้ตนเองอยู่ในระดับเดียวกับเทพเจ้า

สุสานแห่งนี้สร้างบนยอดเขาสูง 2,206 เมตร สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับเทพเจ้าที่อยู่บนที่สูง ผสมผสานกับความเชื่อของชาวฮิตไทต์และบาบิโลน จึงทำให้ภูเขานี้ถูกเรียกว่า “ภูเขาเนมรุต” ตามตำนานของ Nimrod ผู้สร้างหอคอยบาเบลที่ต้องการท้าทายอำนาจของพระเจ้า

ยอดเขาเนมรุตเป็นสถานที่สำคัญทางโบราณคดีที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 (Antiochus I Theos) แห่งอาณาจักรคอมมาเกเน ราว 62 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์พระองค์นี้ทรงประกาศตนเป็นเทพเจ้าและต้องการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นที่พำนักหลังความตายของพระองค์เอง พระองค์สั่งให้สร้างสุสานขนาดมหึมาบนยอดเขาที่สูงกว่า 2,134 เมตรจากระดับน้ำทะเล พร้อมกับสลักรูปปั้นหินขนาดยักษ์ของเทพเจ้าต่าง ๆ ทั้งกรีก เปอร์เซีย และคอมมาเกเน เพื่อแสดงถึงการรวมกันของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก

ในสมัยนั้น คอมมาเกเนเป็นอาณาจักรขนาดเล็กแต่ทรงอำนาจ เนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างจักรวรรดิโรมันและจักรวรรดิพาร์เธียน (Persian Parthian Empire) ซึ่งทำให้กษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 พยายามสร้างอัตลักษณ์ของอาณาจักรผ่านงานสถาปัตยกรรมและความเชื่อทางศาสนา สุสานแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจของพระองค์ โดยมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ และระเบียงที่จัดวางรูปปั้นของเทพเจ้าตามแนวของดวงอาทิตย์ขึ้นและตก

รูปปั้นบนยอดเขา แต่กาลเวลาทำให้ศีรษะหล่นลงมากระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน

เดินสำรวจรูปปั้นบนยอดเขาเนมรุต

เมื่อไปถึงจุดชมวิวบนยอดเขา ฉันได้เดินขึ้นไปยัง Eastern Terrace ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกของวันสะท้อนลงบนใบหน้าหินของเหล่าเทพเจ้าที่มีศีรษะหล่นลงมากองอยู่บนพื้น รูปปั้นเหล่านี้เคยตั้งอยู่บนบัลลังก์ แต่กาลเวลาทำให้ศีรษะหล่นลงมา กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน

ฝั่งตะวันออกเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามที่สุด ขณะที่ฝั่งตะวันตกเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีมนต์ขลัง

เทพซุส-โอรอมัสเดส (Zeus-Oromasdes) – ฉันหยุดยืนตรงหน้ารูปปั้นองค์นี้ ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดของทั้งกรีกและเปอร์เซีย 

เทพเฮอร์คิวลิส-อาร์ทาแกส (Herakles-Artagnes) – เดินไปอีกไม่ไกล ฉันพบกับรูปปั้นของเทพนักรบผู้แข็งแกร่ง  ใบหน้าเผยให้เห็นความมุ่งมั่น ราวกับพร้อมจะต่อสู้กับศัตรูได้ทุกเมื่อ

เทพอพอลโล-มีธรัส (Apollo-Mithras-Helios-Hermes) – แสงอาทิตย์ยามเช้าสะท้อนกับพระพักตร์ของเทพอพอลโล เทพแห่งแสงสว่างและปัญญา ใบหน้าดูอ่อนโยนกว่ารูปปั้นองค์อื่นๆ 

เทพีไทเค (Tyche) – เป็นเทพีแห่งโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ ทรงสวมมงกุฎที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องบ้านเมืองของคอมมาเกเนให้รุ่งเรืองตลอดไป

กษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 – สุดท้าย ฉันมายืนอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นของกษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 พระองค์ประทับนั่งอย่างสง่างามเคียงข้างเหล่าเทพเจ้า แสดงถึงแนวคิดการประกาศตนเป็นเทพและสะท้อนความพยายามเชื่อมโยงอำนาจทางโลกเข้ากับอำนาจทางศาสนา

เกร็ดความรู้และข้อมูลสำคัญในการเยี่ยมชม

  • ยอดเขาเนมรุตได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1987
  • อุณหภูมิบนยอดเขาสามารถหนาวเย็นได้แม้ในฤดูร้อน ควรเตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อม
  • เวลาที่เหมาะสมในการเดินทางคือช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม
  • ค่าเข้าชมอยู่ที่ 30 ลีรา
  • ใช้เวลาขับรถขึ้นเขาประมาณ 2 ชั่วโมง

สถานที่น่าสนใจใกล้เคียง

  • Karakus Tumulus: หลุมฝังศพของราชินีแห่งคอมมาเกเน ห่างจากยอดเขาเนมรุตประมาณ 20 กม. จะเป็นบริเวณซึ่งเป็นที่ฝังศพราชินีของ Antiochus ซึ่งสร้างโดยโอรสของพระองค์ หลุมฝังศพจะถูกล้อมรอบด้วยเสาสูงซึ่งประดับบนยอดด้วยนกอินทรี สิงโต และแผ่นป้ายจารึกชื่อของราชินีแห่งอาณาจักรคอมมาเกเน (Commagene)
  • Cendere Roman Bridge: สะพานโรมันโบราณข้ามแม่น้ำ Cendere
  • Arsameia: ป้อมปราการเก่าของอาณาจักรคอมมาจีน เผอิญวันที่เราไปปิด จึงไม่มีโอกาสเข้าไปดูด้านใน มีรูปสลักนูนต่ำแสดงความสัมพันธ์และความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าในยุคนั้น บางรูปจะคล้ายกับรูปสลักบนยอดเขาเนมรุต

การเดินทางครั้งนี้ทำให้ฉันไม่เพียงแต่ได้ชมความงดงามของธรรมชาติ แต่ยังได้สัมผัสประวัติศาสตร์และอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่ยังคงตราตรึงอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ ทำให้ทุกก้าวที่เดินขึ้นมาเต็มไปด้วยความหมาย

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.