ความตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาแบบเงียบ ๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้ออกเดินทางมานานถึง 21 เดือน สนามบินดูเงียบเหงา แต่ก็ค่อย ๆ มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ฉันเคยเดินทางในประเทศ เส้นทางในเมืองยังคงหนาแน่นด้วยรถยนต์ แต่เมื่อเข้าสู่พื้นที่สนามบินกลับโล่งจนรู้สึกแปลกใจ ไม่ต้องแย่งกันหาที่จอดรถ ความเงียบสงบนี้ไม่ได้ทำให้ใจหาย กลับรู้สึกเสียดายแทน เพราะในอีกไม่นาน ทุกอย่างคงกลับมาคึกคักเช่นเดิม
ภายในสนามบิน ผู้คนเริ่มเดินทางกันมากขึ้น ทั้งจากความจำเป็นและเพื่อการท่องเที่ยว แม้จะยังมีร่องรอยของการซ่อมแซมตกแต่งที่ทำให้บรรยากาศดูหม่น ๆ แต่เสียงเครื่องมือก่อสร้างที่ดังตึง ๆ เป็นสัญญาณว่าที่นี่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ออกเดินทาง
ฉันเดินทางด้วยสายการบิน Emirates ที่นั่งริมหน้าต่าง 46K เป็นแถวที่มีเพียงสองที่นั่ง
เครื่องลงจอด transit ที่ดูไบ ฉันแวะพักที่ Merhaba Lounge นั่งเล่นและกินอาหารเช้า ได้นอนเหยียดยาวหลังจากนั่งบนเครื่องมาเกือบ 6 ชั่วโมง ที่จริงที่นั่งบนเครื่องของ Emirates กว้างและสบาย แต่โชคร้ายที่เพื่อนร่วมทางข้าง ๆ ดูจะไม่ค่อยให้เกียรติเรื่องพื้นที่ส่วนตัวนัก จนต้องขยับตัวให้รู้ว่าฉันไม่พอใจ
จากดูไบ ฉันต่อเครื่องไปอิสตันบูล คนเต็มลำเหมือนเดิม และได้ที่นั่งตรงกลาง หวังเพียงว่าคราวนี้จะไม่ต้องนั่งท่ามกลางกลุ่มคนงานหมวกส้ม เพราะมาคนเดียว ไม่งั้นคงดูเด๋อด๋า
ถึงอิสตันบูล
หลังจากลงเครื่อง ฉันเลือกนั่ง HAVAIST สาย 16 ไป Taksim ค่าตั๋ว 35 TLR ระหว่างทางได้แวะแลกเงินและซื้อซิมการ์ดตุรกี ราคาค่อนข้างแพงกว่าปกติ ซิมตุรกีราคา 300 TLR หรือราว ๆ 1,370 บาท
ด่านตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาต่อแถวเกือบชั่วโมง ฉันเตรียมเอกสารครบทั้ง HES Code, ใบรับรองฉีดวัคซีน ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีการตรวจ PCR หรือ ATK เพิ่มเติม
ปัญหาที่พัก และทางออก
ฉันเลือกที่พักใกล้ Galata Tower แต่เมื่อเดินทางมาถึงเกือบสองทุ่ม กลับถูกปฏิเสธการเข้าพัก เพราะทางโรงแรมอ้างว่าตัดบัตรเครดิตไม่ได้ และนำห้องของฉันให้แขกคนอื่นไปแล้ว ฉันพยายามติดต่อ Booking.com แต่ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะฉันจองไว้ตั้งแต่ช่วงโควิดที่ราคาถูกกว่าปัจจุบันมาก ทางโรงแรมอาจต้องการลูกค้าที่จ่ายแพงกว่า
พนักงานของโรงแรมข้าง ๆ เป็นคนช่วยโทรคุยให้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ห้องพักที่พวกเขาเสนอให้แทนราคาสูงถึง 8,000 บาท เทียบกับที่ฉันจองไว้เพียง 2,000 กว่าบาท ฉันไม่อาจยอมรับได้ จึงออกมาเดินหาที่พักเอง และได้ที่ Hostel ราคาเพียง 300 บาท แม้จะเป็นห้องรวมแต่ฉันก็ตัดสินใจพักเพราะความเหนื่อยล้า
คืนนี้ ฉันวางแผนใหม่ แทนที่จะเที่ยวอิสตันบูลก่อน ฉันเลือกซื้อตั๋วเครื่องบินมุ่งหน้าไป Adiyaman ทันที เมืองที่ฉันวางเป้าหมายไว้ว่าจะไปเยือน ภูเขาเนมรุต และ เมืองวาน ทางตอนใต้ของตุรกีฝั่งตะวันออก ต่อจากนี้ ทุกอย่างจะเป็นการเดินทางแบบค่อยเป็นค่อยไป วางแผนระหว่างทาง และใช้โอกาสนี้ในการเก็บเรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อนำมาแบ่งปันต่อไป
Havabus ไปสนามบิน Sabiha Gökçen
เช้านี้ ฉันรีบนั่ง Havabus ไปสนามบิน Sabiha Gökçen ค่ารถ 27.50 TLR แต่มีเค้าลางว่าอาจไปขึ้นเครื่องไม่ทัน ตอนนี้ 10 โมงแล้ว แต่ฉันยังนั่งรอจ่ายเงินอยู่ที่ Taksim 😭
ระหว่างทาง ฉันแวะแลกเงิน 500 USD เรทที่ได้คือ 1 USD = 9.10 TLR ถือว่าพอรับได้
แม้เวลาจะกระชั้นชิด แต่ฉันก็มาถึงสนามบินทันเวลาขึ้นเครื่อง ใช้เวลาบินไม่นานก็มาถึง Adiyaman เมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสำคัญในครั้งนี้
จากสนามบิน ฉันเลือกใช้ Shuttle Bus เข้าเมือง ค่ารถ 15 TLR แต่จากท่ารถก็ยังต้องแบกเป้เดินไปโรงแรมอีกประมาณ 500 เมตร ระหว่างทางกลิ่นหอมของเนื้อย่างจากร้านเคบับดึงดูดความสนใจ ฉันหมายตาไว้ว่าคืนนี้จะต้องกลับมาลองให้ได้
เมื่อถึงที่พัก ฉันรีบติดต่อหารถสำหรับเดินทางไป ภูเขาเนมรุต จุดหมายหลักของทริปนี้ ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นภาพหินแกะสลักขนาดยักษ์บนยอดเขาเนมรุต คือตอนที่มาเที่ยวตุรกีเมื่อ 12 ปีก่อน ภาพนั้นติดอยู่ในที่พักแบบถ้ำที่คัปปาโดเกีย ฉันรีบถามเจ้าของที่พักด้วยความตื่นเต้น เพราะคิดว่าอยู่ไม่ไกล แต่เมื่อรู้ว่าต้องเดินทางข้ามคืน และช่วงธันวาคมเต็มไปด้วยหิมะจนยากต่อการเข้าถึง ฉันก็ทำได้เพียงมองภาพนั้นด้วยความเสียดาย
ตั้งแต่วันนั้น ฉันเฝ้าฝันว่า หากได้กลับมาตุรกีอีกครั้ง จะต้องไปยืนอยู่ตรงนั้นให้ได้ ทุกภาพถ่ายที่ฉันเคยเห็น แม้จะมาจากหลายมุมมอง แต่ก็ยังไม่อาจแทนที่ความรู้สึกของการได้เห็นด้วยตาตัวเอง และครั้งนี้ ความฝันของฉันกำลังจะเป็นจริง
การเดินทางครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น และฉันก็กำลังเดินหน้าไปสู่จุดหมายใหม่อย่างเต็มที่







Leave a Reply