ส่วนหนึ่งของบันทึกการเดินทางเพื่อขึ้นยอดเอลบรุส (Mt.Elbrus) เดือนกรกฎาคม 2017 | นั่ง Chair lift ขึ้นเขาเอลบรุส
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตในที่อากาศหนาวมีหิมะหนาเช่นฉัน การเดินเทรคที่นี่เป็นเรื่องที่นับว่ายากลำบากเพราะเป็นภูเขาหิมะล้วนๆ ขาวโพลนไปทั้งเขา หาดินหินให้เดินง่ายๆนั้นยากยิ่งนัก เรื่องอาการแพ้ในที่สูง (AMS)ก็ต้องระวัง เพราะจะต้องพักหลับนอนอยู่ที่แค้มป์ซึ่งมีความสูงกว่า 3,800 เมตรไปอีกหลายวัน
ไกด์ตรวจความพร้อมของชุดและอุปกรณ์สำหรับขึ้นยอด
เมื่อวานนี้นาตาชาไกด์สาวชาวรัสเซียจากมอสโคว์ มาตรวจอุปกรณ์เครื่องแต่งกายและแนะนำว่าฉันควรจะต้องเช่าอุปกรณ์อีกหลายอย่างถ้าอยากจะเดินขึ้นไปยืนสำเร็จบนยอดเขา Elbrus ความหนาวเย็นของเทือกเขาในแถบยุโรปโหดร้ายกว่าทางแถบเนปาลที่ฉันเคยผ่านมาก่อน รวมไปถึงอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินย่ำไปบนหิมะหนา เช้านี้ฉันจึงฝากของหลายอย่างในกระเป๋าที่นำมาไว้กับโรงแรม เพื่อเผื่อพื้นพี่สำหรับอุปกรณ์มากมายที่จะต้องไปเช่าเพิ่มเติมก่อนจะขึ้นไปที่แค้มป์ด้านบน

อุปกรณ์จึงต้องพร้อมสำหรับเดินบนหิมะที่หนาสูงประมาณเข่า เสื้อกันหนาวอบอุ่นเน้นการป้องกันลมพัดแรง และเพื่อจะขึ้นยอดที่สูงชันเดินเลาะไปตามทางแคบริมเขา จะต้องมีอุปกรณ์ไต่เขาเช่น รองเท้าdouble boots, crampon, harness, carabiner และ Ice-axe ให้พร้อม
เช่าอุปกรณ์เพิ่มเติม
ที่ร้านเช่าอุปกรณ์ มีอุปกรณ์ใหม่ๆละลานตา น่าเป็นเจ้าของหลายอย่าง Redfox เป็นยี่ห้อ local ยอดนิยมของรัสเซีย อุปกรณ์ให้เช่ายังใหม่ชนิดแกะห่อ ติดป้ายใหม่ทีเดียว โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวระดับกันหนาวคแถบขั้วโลกตัวเบ่อเริ่มที่ฉันเช่ามา นอกจากเสื้อยังมี รองเท้า double boots, crampon, harness , carabiner, และ ice-axe ที่ฉันเช่าจากที่นี่ หลังจากเก็บอุปกรณ์ใส่เป้ของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมออกเดินทางต่อ ฉันจึงพบว่าดีแล้วที่ตัดสินใจแค่เช่า ไม่ซื้อเป็นของตัวเอง เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มันทำให้หนักมาก คิดสภาพว่าตัวเองต้องแบกของพวกนี้มาจากเมืองไทย หอบขึ้น หอบลงเอากลับบ้าน ฉันคงไปไหนไม่รอดตั้งแต่เริ่มต้น เพราะการเดินเขาแถบนี้ต้องช่วยตัวเอง แบกเองทุกอย่าง อย่าได้หวังว่าจะมีลูกหาบมาคอยดูแลห่วงใยแบบการเดินเขาแถวเนปาล กระเป๋าที่เบาๆหลังจากเอาของออกฝากไว้ที่โรงแรม ตอนนี้กลับหนักแอ่ก แถมล้นออกมาจากต้องผูกไว้ด้านนอกกระเป๋าอีกครั้ง

นั่ง Chair Lift ขึ้น Snowcat สู่ที่พักบนเขา Elbrus
จากระดับ 2,000 เมตร ที่เมือง Terskol เรานั่ง cable car มาต่อ chair lift นั่ง snowcat ก็มาถึงที่พักที่ความสูง 3,840 ม. จากทุ่งหญ้าสีเขียว มาถึงเทือกเขาสีขาวที่หนาด้วยหิมะ พอลงจากรถเท้าย่ำลงไปบนพื้นหิมะหน้าที่พักก็รู้สึกว่าชีวิตชักจะคลอนแคลนไม่มั่นคง อากาศหนาวเย็นขึ้นเมื่อเราอยู่บนความสูงระดับนี้ ในวันที่ท้องฟ้าขุ่นมัวอึมครึม
แค้มที่พักเหมือนโกดังใหญ่ ได้ข่าวว่าเป็นที่พักที่เพิ่งทำใหม่ไม่นานนัก ที่แค้มป์นี้เปิดให้บริการตลอดปี แต่ช่วงนี้ (เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม)จะถือเป็นช่วงไฮซีซั่นมีนักท่องเที่ยวมากกว่าปกติเพราะจะมีบรรดานักเดินเขาอย่างพวกเราเข้ามาพักด้วยนอกเหนือจากพวกที่ชอบเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์หรือเล่นสกีหิมะซึ่งมาเป็นปกติ ที่พักมี 2 ชั้น ห้องอาหาร 3 ห้อง ห้องน้ำอยู่ด้านนอกริมหน้าผาบรรยากาศดี 3 ห้อง ห้องพักน่าจะมีประมาณ 12-15 ห้อง แต่ละห้องพักได้ประมาณ 8 คน เราได้พักบนชั้นสอง
กฎระเบียบของที่พักซึ่งให้ถอด crampon ออกก่อนจะเข้าไปเดินในที่พักที่เป็นพื้นไม้ ทำให้ฉันต้องก้มๆเงยๆ ถอดรองเท้า ถอด crampon เข้าๆออกๆ แรกๆก็มึนนิดหน่อย แต่ก็เตือนตัวเองตลอดเวลาว่าให้ค่อยๆทำทุกอย่างช้าๆใจเย็นๆ แล้วก็พยายามทำอะไรให้เรียบร้อยทีเดียวจะได้ไม่ต้องเดินเข้าออกบ่อยๆให้ปวดหัว
หลังจากพักได้ครู่นึงไกด์ก็มาตามพวกเราให้ออกไปซ้อมเดินบนหิมะ จะได้คุ้นชินกับอุปกรณ์ทุกชนิดบนตัวของเรา กับสภาพอากาศบนเขา โดยเดินขึ้นไปที่ความสูง 4100 ม. บริเวณ deisel hut ก่อนจะกลับมาทานอาหารเย็น แล้วเข้านอน

ฝึกการเดินเขาเป็นทีม และทดสอบร่างกายกับหิมะและความหนาวเย็น
วันถัดมาเราต้องออกมาซ้อมเดินและปรับร่างกายอีกครั้ง โดยใส่อุปกรณ์แบบจัดเต็มเหมือนวันจะขึ้น summit ไกด์จัดให้พวกเราเดินแถวเรียงหนึ่งให้คนที่เดินช้าสุดอยู่คนแรก แล้วเรียงตามลำดับความเร็วไปจนคนที่เดินเร็วที่สุดให้อยู่หลังสุดเพื่อช่วยกันดูแล และป้องกันการหลงกัน วันนี้ฉันเริ่มถนัดกับการเดินด้วยรองเท้า double boots มากขึ้นมันช่วยทำให้การเดินบนหิมะมั่นคง ไม้เท้า 2 อันช่วยพยุงการเดิน เราค่อยๆเดินก้าวช้า แต่คงจะช้ามากเพราะกลุ่มที่เดินตามหลังแซงไปจนหมด วันนี้สภาพอากาศเลวร้ายมาก มีช่วงเวลาฟ้าเปิดอยู่เพียงชั่วครู่ ยิ่งเดินขึ้นสูงยิ่งเหนื่อยล้า และลมก็แรงขึ้นเรื่อยๆ เราเดินไปจนถึงความสูง 4500 เมตร (Lower Pusthukov Rock) จึงเดินกลับ ท่าทางกระย่องกระแย่งเดินลงของพวกเราทำให้ไกด์ต้องหันมาสอนวิธีการเดินลงเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ โดยแนะนำให้ก้าวลงโดยใช้ส้นเท้าลง แต่ต้องงอเข่าเล็กน้อย บนพื้นหิมะหนาแบบนี้ถ้ามีแรงเราสามารถวิ่งลงไปได้เลย ทีแรกก็กลัวๆรวมกับอาการเจ็บหน้าขาที่ยังไม่หายดี แต่พอเดินลงไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสนุก และอยากกลับไปพักเร็วๆ เลยได้วิ่งกันใหญ่ จนไกด์ต้องตามมาบ่นเพราะอยากให้เดินกลับแบบรอๆไปพร้อมกันด้วยความเป็นระเบียบ
ฝึก Self Arrest
วันถัดมาเราได้พักผ่อน และถือโอกาสในวันพักนี้ซ้อมการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้ถูกต้อง
- วิธีการสวม harness ควรสวมทับบนเสื้อตัวสุดท้าย ให้กระชับ ก่อนจะใส่เสื้อคลุมที่เราอาจจะต้องถอดเข้าออกในขณะที่เดิน
- การเก็บสายเชือกที่ห้อยลงมาเพื่อป้องกันไม่ให้หลุดร่วงหรืออาจไปเหยีบสะดุด
- ตำแหน่งที่คล้อง Carabiner
เรื่องที่ไกด์แนะนำดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ฉันคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นรายละเอียดที่สำคัญ เพราะการเดินเขาในจุดที่อันตรายและมีความเสี่ยง เราไม่ควรให้มีความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น บางทีเรื่องเล็กน้อยนี่แหละที่อาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้
- วิธีการใช้ Ice-axe เพื่อช่วยชีวิตในกรณีที่เราอาจไถลลื่น หรือถูกดึงจากเชื่อกร่วมกับคนอื่น ว่าควรจับขวานในตำแหน่งไหนขณะเดิน และหากลื่นลงไปจะต้องปักขวานเพื่อไม่ให้ตัวเองลื่นตกลงไปต่อ ทีแรกก็หวาดเสียวที่จะต้องกลิ้งลงเขา แต่ทำไปซัก 2-3 รอบ เริ่มสนุกกับการกลิ้งล้มและวิ่งขึ้นไปมาบนหิมะ











Leave a Reply