ภาวะความเสี่ยงบนที่สูง หรือ High Altitude Sickness หรือ AMS มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 2,500-3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางเป็นต้นไป ยิ่งขึ้นไปที่สูงมากจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าวมากขึ้น เช่น ถ้าสถานที่นั้นสูงกว่า 3,000 เมตร จะมีความดันออกซิเจนในอากาศเพียงประมาณ 70 %
นักท่องเที่ยวจะเกิดอาการแตกต่างกัน บางคนร่างกายสามารถปรับตัวได้ดีอาจจะไม่เกิดอาการเลย ขณะที่บางคนอาจจะมีอาการไม่สบาย มึนศีรษะมากน้อยแตกต่างกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ ความฟิตของร่างกาย และไม่สามารถคาดการได้ล่วงหน้าว่าใครสามารถปรับตัวได้ดีกว่า แม้แต่นักกีฬาที่แข็งแรงก็อาจเกิดอาการได้ ในทางตรงกันข้าม ผู้สูงอายุบางคนเมื่อไปเที่ยวที่สูงๆอาจจะไม่มีอาการเลยก็ได้
กลุ่มอาการป่วยบนที่สูง
- Acute Mountain Sickness (AMS) จะมีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ นอนไม่หลับ เหนื่อย หายใจเร็ว โดยอาการต่างๆเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากขึ้นไปที่สูงประมาณ 4-10 ชั่วโมง
- High Altitude Cerebral Edema (HACE) หรือภาวะสมองบวมจากการอยู่ในพื้นที่สูง เป็นภาวะที่เกิดต่อเนื่องจากภาวะ AMS โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ เห็นภาพซ้อน ถ้ามีอาการรุนแรงมากจะมีชัก หมดสติ จนถึงเสียชีวิตได้ ถ้ามีอาการดังกล่าวต้องรีบพบแพทย์ และเดินทางลงสู่ในพื้นที่ต่ำกว่าทันที
- High Altitude Pulmonary Edema (HAPE) คือภาวะปอดบวมน้ำจากการอยู่ในพื้นที่สูง เป็นภาวะที่รุนแรงซึ่งอาจเกิดขึ้นเดี่ยวๆหรือเกิดขึ้นร่วมกับภาวะ HACE ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก อยู่เฉยๆก็เหนื่อย ภาวะนี้ทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าเกิดภาวะดังกล่าวขึ้น ต้องรีบพบแพทย์และเดินทางลงสู่พื้นที่ต่ำกว่าทันที
ลักษณะอาการทั่วไป
นอนไม่หลับ เหนื่อยเพลีย ปวดหัว มึนงง สับสน เบื่ออาหาร ท้องเสีย หรือคลื่นไส้อาเจียร หากนักเดินเขาพบว่าเริ่มมีอาการเหล่านี้จะต้องคอยสังเกตุอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด เพราะหากยิ่งเดินขึ้นสูงต่อไปอาการดังกล่าวจะรุนแรงและส่งผลเสียต่อร่างกายถึงชีวิต
สาเหตุของอาการ
อาการจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ระดับความสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็วในระดับความสูงเกินกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล สาเหตุจากออกซิเจนในอากาศของความสูงเกินกว่า 2,500 เมตรเริ่มเบาบาง ทำให้ปอดไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนจากอากาศไปเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติ
การป้องกัน
- ควรกำหนดให้มีวันพักปรับสภาพร่างกาย อยู่ในระดับความสูงเดิม 1-2 วันก่อนจะไต่ขึ้นระดับความสูงขั้นถัดไป โดยอาจจะพักเพื่อปรับความสูงทุก 500 เมตร
- ดื่มน้ำสม่ำเสมอ เนื่องจากร่างกายเสียเหงื่อและใช้พลังงานมาก จึงควรเติมน้ำให้ร่างกายสม่ำเสมอ น้ำจะเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย
น้ำร้อน ชาขิง ชาเลมอน ซึ่งมีให้บริการตามทีเฮ้าส์ ยังช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนและมีประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน - ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ปวดหัว มึนงง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายต้องการน้ำมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการออกแรงหนักๆ พยายามเดินช้า ไม่หักโหม เร่งรีบ ตามประสบการณ์ของตัวเอง แม้แต่การพูดคุย วิ่งเล่น สนุกสนานกันเองในกลุ่มมากเกินไป ก็มีผลทำให้ร่างกายทำงานหนักมากขึ้นเช่นกัน
- ทานอาหารให้เพียงพอ
- เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจแบบพกพา (Finger Oximetre) เป็นเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบสภาพร่างกายระหว่างการเดินเขา สะดวกในการใช้งาน เพียงแค่สวมเข้าที่ปลายนิ้ว เครื่องก็จะแสดงอัตราออกซิเจนในเลือด (spO2) และอัตราการเต้นของหัวใจ(PR) หากค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก และค่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงเกินไป ก็ควรพิจารณาตัวเองว่าควรจะเดินขึ้นเขาต่อไปหรือไม่ เพราะอาจจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- อย่าฝืนหากพบว่าร่างกายเริ่มอาการผิดปกติ เพราะการเดินทางต่อไปยิ่งทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น รีบพาตัวเองลงมายังที่ต่ำกว่าโดยทันที







Leave a Reply