ในดินแดนที่แห้งแล้งและร้อนระอุอย่างอิหร่าน โอเอซิสที่เขียวชอุ่มกลางทะเลทรายไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติ หากแต่เป็นผลลัพธ์จากภูมิปัญญาที่สั่งสมมานานนับพันปี
แหล่งน้ำของโอเอซิสในอิหร่านไม่ได้มาจากแม่น้ำใหญ่เหมือนบางประเทศ หากแต่มาจากหลายทาง—น้ำใต้ดินที่ซึมอยู่ลึกลงไป ฝนที่โปรยลงมาเพียงไม่กี่ครั้งในรอบปี และที่สำคัญที่สุดคือน้ำละลายจากหิมะบนยอดเขาสูง ซึ่งอิหร่านนั้นมีเทือกเขาที่สูงกว่า 4,000 เมตร ขนาบอยู่รอบประเทศ ยามฤดูหนาว น้ำเหล่านั้นกลายเป็นน้ำแข็งเงียบงัน รอเวลาละลายไหลลงมาหล่อเลี้ยงชีวิตในฤดูใบไม้ผลิ


แต่สายน้ำเหล่านี้มาเพียงชั่วคราว คนโบราณจึงเรียนรู้ที่จะเก็บเกี่ยวไว้ใช้ตลอดปี พวกเขาสร้างสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “Āb-Anbār” บ่อเก็บน้ำใต้ดินขนาดมหึมา ที่ทั้งลึกและกว้าง สร้างจากอิฐดินตากแห้งเรียงอย่างประณีต ด้านบนทำเป็นโดมสูงพร้อมช่องระบายอากาศ เพื่อให้อากาศภายในหมุนเวียน ลดการระเหย และรักษาอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ
น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ คนเปอร์เซียรู้จักการสร้าง āb-anbār มาแล้วกว่า 3,000 ปี—ก่อนที่โลกจะรู้จักระบบประปาสมัยใหม่เสียอีก
เดินทางในอิหร่านปี 2018 ได้เห็นร่องรอยของภูมิปัญญานี้อยู่ทั่ว ทั้งในเมืองและในหมู่บ้านเล็กๆ กลางทะเลทราย บางแห่งยังคงใช้งานได้ บางแห่งกลายเป็นโบราณสถานที่เล่าขานถึงความสามารถของมนุษย์ในการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติอันโหดร้าย
โอเอซิสในอิหร่านไม่ใช่เพียงสถานที่หย่อนใจ แต่เป็นหลักฐานแห่งการอยู่รอด และความรู้ที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของคนที่ใช้ชีวิตร่วมกับทะเลทราย
ชีวิตกลางทะเลทราย: ภูมิปัญญาเปอร์เซียที่ยังเย็นอยู่ในใจ
กลางทะเลทรายที่แห้งแล้งของเปอร์เซียโบราณ มีสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อประคองชีวิตให้อยู่รอดท่ามกลางแดดระอุ สิ่งนั้นคือ Qanāts ทางน้ำใต้ดินที่บรรพบุรุษชาวเปอร์เซียขุดลึกลงไปในผืนดิน เพื่อดึงน้ำจากแหล่งใต้ภูเขาให้ไหลมาตามแรงโน้มถ่วงสู่ชุมชนด้านล่าง
ระบบชลประทานนี้ไม่ได้เป็นแค่ท่อส่งน้ำธรรมดา แต่ยังสะท้อนความเป็นระเบียบและความยุติธรรมแบบเปรียบเปรยในโลกยุคโบราณ เพราะน้ำไม่ได้ไหลอย่างไร้ทิศทาง แต่จะถูกจัดสรรตาม “เวลา” ที่แต่ละบ้านสามารถใช้น้ำได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จ่ายเข้า “กองทุนส่วนกลาง” บ้านใครจ่ายมาก ก็มีเวลารับน้ำได้นานขึ้น—เศรษฐี ขุนนาง หรือผู้มีอันจะกิน จึงสามารถมีน้ำใช้ได้มากกว่าชาวบ้านทั่วไป
แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือวิธีการใช้ประโยชน์จากน้ำเหล่านี้ในบ้านเรือน บางบ้านสร้างที่เก็บน้ำไว้ใต้ดิน บางหลังต่อยอดด้วยการออกแบบ “ห้องพักผ่อน” เหนือบ่อน้ำเพื่อรับความเย็นที่ระเหยขึ้นมา กลายเป็นมุมสงบเย็นสบาย ท่ามกลางอุณหภูมิภายนอกที่แผดเผา
|
|
|
บางบ้านถึงกับสร้างบ่อน้ำไว้กลางสวน ทำให้สนามหน้าบ้านกลายเป็นโอเอซิสเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยชีวิต สีเขียว และเสียงนกร้อง ท่ามกลางทะเลทรายสีทอง
ทั้งหมดนี้ถูกเสริมด้วย bâdgir หรือ “windcatcher” ปราการดักลมสูงเสียดฟ้า ที่ทำหน้าที่เหมือนเครื่องปรับอากาศของยุคโบราณ เมื่อลมเย็นพัดเข้าสู่ bâdgir มันจะหมุนเวียนอากาศภายในบ้านผ่านบ่อน้ำใต้ดิน ส่งผ่านความเย็นทั่วอาคาร ในขณะเดียวกัน อากาศร้อนซึ่งลอยตัวสูงก็จะถูกผลักออกไปนอกบ้านอย่างชาญฉลาด
เมื่อรวมกัน qanāt, āb-anbār, และ bâdgir สามสิ่งนี้คือระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความรู้และความเคารพต่อธรรมชาติ เป็นศิลปะแห่งการใช้ชีวิตที่ไม่เพียงช่วยให้ “อยู่รอด” แต่ยัง “อยู่ดี” ในดินแดนที่ไม่มีที่ว่างให้ความประมาท

นี่คือการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ รื่นรมย์ และฉลาดล้ำในแบบที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ยังต้องยกนิ้วให้ เป็นภูมิปัญญาที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การอยู่รอด แต่ยังสร้างคุณภาพชีวิตท่ามกลางความท้าทายของธรรมชาติ


มือของชาวเปอร์เซียในอดีต

การจะทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ ขายของที่ทางน้ำใต้ดินนี้ ฟังแล้วอลังการงานสร้างมาก เมื่อเทียบกับสภาพเมืองที่ด
ูร้างๆกลางทะเลทราย








Leave a Reply