มีคนมากมายถามว่ารู้สึกยังไง เมื่อย้อนนึกไปตอนนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า กลัว และคิดว่า
เฮ้ยนี่เราต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แล้วเหรอ
ก่อนจะเดินเข้าเต็นท์พร้อมกาแฟหอมๆจากพี่หมู ยังมองไปทางทะเลสาบตรงหน้า คิดในใจว่าเช้านี้อากาศดี แดดดีสดใสกว่าเมื่อวานเย็น เดี๋ยวจะเดินไปฝั่งตรงข้ามออกมาถ่ายรูปริมทะเลสาบ แต่ก่อนอื่นไปเก็บของทาแป้งนิดนึงก่อนดีกว่า คิดแบบนั้นแล้วก็มุดเข้าเต็นท์ไป

อาการสั่นไหวของพื้นครั้งแรกรู้สึกได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกแรกที่นึกถึงคือเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องหรอกว่านั่นคือแผ่นดินไหว ยังหันไปบอกเจ้แหวว พี่สาวที่ไปด้วยกันว่า สงสัยเครื่องซักผ้ามันเขย่าเพราะเรานอนอยู่ใกล้ห้องซักผ้าของโฮสเทล แล้วก็นอนกันต่อ มารู้ว่านั่นคือแผ่นดินไหวก็ตอนออกมาขึ้นรถไฟแล้วมีป้ายยกเลิกเที่ยววิ่ง มีข่าวแผ่นดินไหวตามทีวีในตอนสายๆ ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้ว่าอาการเขย่าแบบนี้คือแผ่นดินไหว ก็ตกใจ ยิ่งมาคิดต่อว่า นี่มันบนเกาะที่มีภูเขาไฟซึ่งยัง active อยู่ เมื่อวานตอนเดินผ่านมาก็เห็นมีควันปุยๆขึ้นมาซะด้วย หรือภูเขาไฟจะระเบิด นั่นคือสิ่งที่กลัวที่สุด ทำให้รีบถลาออกมาจากเต็นท์ แล้วมองไปทางภูเขาไฟก่อน ก็พบแต่ฝุ่นควันคลุ้ง ในขณะที่เสียงฮือฮารอบตัวดังขึ้น ฉันหันมองไปรอบๆ ก็พบ หินถล่มลงมาจากด้านบนของภูเขาที่ล้อมรอบตัวเราอยู่ ในขณะที่ไกด์ก็แสดงท่าทางตกใจ ฉันรีบถามว่าเคยเกิดแบบนี้มั๊ย ไกด์ได้แต่ส่ายหัว และบอกให้เราออกมาอยู่ที่โล่ง
โชคดีที่จุดที่เรายืนอยู่เป็นจุดที่ปลอดภัย ห่างจากหินที่ร่วงลงมา เพราะแคมป์ของเราไม่ได้ตั้งอยู่ตรงริมเขา ฉันมองเห็นคนมากมายจากฝั่งริมเขาวิ่งหนีข้ามลำธารเล็กๆมาทางฝั่งเรา พวกเราตะโกนร้องถามหาคนที่ไปบ่อน้ำพุร้อนซึ่งอยู่ตรงเชิงเขาฝั่งตรงข้าม มองหาเพื่อนๆที่มาด้วยกันว่าอยู่ครบทุกคนหรือไม่ แผ่นดินไหวครั้งแรกกินเวลาไม่นานแต่รู้สึกได้รุนแรงที่สุด แล้วตามมาเป็นระยะที่เบาลงบ้าง แรงบ้างแต่ถี่ๆ ในขณะที่ดินถล่มหินร่วงจากที่สูงยังมีต่อเนื่อง หลังรวบรวมคนได้ ไกด์ก็สั่งให้เก็บของ แล้วแจ้งว่าทางที่เราจะเดินวันนี้คงไปไม่ได้ ต้องเดินย้อนกลับไปทางที่มาเมื่อวาน ซึ่งฉันเห็นด้วยเพราะภูเขาตรงหน้าหินถล่มร่วงลงมาไม่หยุด
เราเดินย้อนทางเดิมขึ้นมาประมาณ 1 กม. เพื่อจะอยู่ในพื้นที่ที่โล่งขึ้น มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน พบว่าภูเขาที่หินถล่มมี 2 ฝั่งคือฝั่งภูเขาลูกที่เราจะเดินข้าม เพื่อไป Senaru crater กับ ภูเขาที่เราเดินลงมาจาก summit เมื่อวานนี้ ในส่วนที่เรายืนอยู่จึงอยู่ในหุบเขาซึ่งกินพื้นที่กว้างระหว่างภูเขาทั้งสองฝั่ง แต่การจะออกจากตรงนี้ได้ต้องเสี่ยงกับการเดินลัดเลาะข้ามภูเขาซึ่งมีอันตรายจากหินที่ร่วงลงมา และยังไม่รู้ว่าเส้นทางนั้นเสียหายขนาดไหน ฉันคิดถึงเส้นทางภูเขาที่เดินลงมาเมื่อวาน บริเวณทางชันขาลงที่ผ่านมาก็มีโอกาสเสียหายสูงมากเพราะพื้นที่ค่อนข้างเปราะบาง

ที่โล่งและปลอดภัยกว่า

เวลา
เมื่อมาอยู่ที่จุดนี้แผ่นดินที่ไหวเริ่มทิ้งช่วงนานขึ้น ความรุนแรงเบาขึ้น จนกระทั่งจินตนาการของฉันที่กลัวว่าแผ่นดินจะไหวเคลื่อนตัวซับซ้อนจนส่งผลให้ภูเขาไฟระเบิดค่อยๆลดลง เหลือเพียงความรู้สึกเป็นห่วงคนที่ขึ้นยอดในวันนี้เพราะจากประสบการณ์ที่ขึ้นมาเมื่อวานนั้นรู้ว่าพื้นที่บนยอดค่อนข้างเปราะบาง และเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นช่วงที่คนอยู่บนยอดมากที่สุด ในเวลานั้นเราต่างทำอะไรกันไม่ได้นอกจากส่งใจและภาวนาไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรง รวมทั้งถามไถ่ข่าวคราวของครอบครัวไกด์ ลูกหาบที่อยู่กับเรา แต่สิ่งที่ประทับใจมากๆก็คือ ไกด์ทุกคนตอบเหมือนกันว่า พวกเราคือคนที่เขาต้องดูแลให้ปลอดภัย นี่เป็นงานสำคัญที่สุดของพวกเขา
ได้ฟังแล้วโครตซึ้ง รู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ทิ้งเราแน่ๆ

ู้ว่าแผ่นดินไหวระดับ 6.4 ความลึก 10 กม.

บกพร่อง ลูกค้าก็เช่นกัน มีอาหารครบทุกมื้อ
นอกจากไกด์แล้ว ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่กลุ่มคนที่ประสบภัยส่วนใหญ่ตรงจุดนั้นก็คือคนไทยกว่าครึ่ง เสียงตะโกน ให้กำลังใจ ต่างเป็นภาษาไทย มองไปทั้งหุบเขานึกว่าอยู่ภูกระดึงยังไง ยังงั้น คนไทยเริ่มรวมตัวกัน ติดต่อ ประสานส่งข่าว ขอความช่วยเหลือและได้รับการตอบกลับที่รวดเร็วแม้สัญญานโทรศัพท์จะไม่ราบรื่นนัก
มีความพยายามจากไกด์ที่จะพาพวกเราออกจากพื้นที่ในวันนี้ แต่สุดท้ายก็พบว่าเสี่ยงเกินไปเนื่องจากหินยังร่วงลงมาเรื่อยๆ มากบ้าง น้อยบ้างตามความแรงของ aftershock จึงตัดสินใจรอดูสถานการณ์จนถึงพรุ่งนี้เข้า
นั่นหมายความว่าพวกเราทุกคนต้องนอนกลางหุบเขาในเต็นท์โล่งรวมกัน โดยแต่ละกลุ่มก็แยกย้ายไปหาจุดที่สะดวกอยู่เป็นกลุ่มๆไม่ไกลกันเพื่อมีอะไรจะได้ส่งข่าวกันได้

เขา วิวสวย นอนชมดาว อาบน้ำค้าง
ในส่วนของไกด์และลูกหาบก็เห็นว่าพวกเขารวมตัวประชุมกันเป็นระยะๆ มารู้ทีหลังว่ามีการส่งคนออกไปกลุ่มหนึ่งเพื่อตรวจสอบเส้นทางด้วย น่าจะเป็นพวกที่วิ่งไป วิ่งมาหลบหินที่เรามองเห็นอยู่ไกลๆ







Leave a Reply