เรามาถึงสนามบินของกรุงเตหะรานในช่วงเช้ามืด หลังจากเดินทางกันมาร่วม 12 ชั่วโมง ความเหนื่อยอ่อนยังไม่ทันจาง ก็ต้องมาเจอกับความสับสนของสนามบินที่มี 2 Hall แยกจากกันโดยสิ้นเชิง หลังผ่าน ตม. แล้ว พวกเราลงมารอกระเป๋าซึ่งก็น่าจะถึงมานานแล้ว แต่กลับไม่ปรากฏตัวเสียที สุดท้ายจึงได้รู้ว่า… กระเป๋าของเราไปโผล่อยู่ อีก Hall หนึ่ง! ต้องออกไปข้างนอกและเดินเข้าทางใหม่เพื่อรับจากสายพานอีกฝั่งหนึ่ง เรียกว่าภารกิจแรกในอิหร่านคือ “ตามหากระเป๋าเดินทาง” ก็ว่าได้
อากาศเช้าแรกในเตหะรานค่อนข้างเย็น ราว 12 องศาเซลเซียส แท็กซี่ที่เราจองล่วงหน้าผ่านทางโฮสเทลขับมารอรับตรงเวลา ขับพาเราผ่านไฮเวย์เส้นใหญ่ ท่ามกลางบ้านเมืองที่ดูเป็นระเบียบและทันสมัยในความมืด ฉันแทบไม่ได้สังเกตอะไรมากนักเพราะง่วงเต็มที เมื่อถึง Hi Tehran Hostel ซึ่งสะอาด สะดวก และมีเพื่อนร่วมทริปมารออยู่ก่อนแล้ว ฉันก็ล้มตัวลงนอนทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรต่อ

การแต่งกายสำหรับผู้หญิงในอิหร่าน: ผ้าคลุมผมและมารยาทที่ควรรู้
วัฒนธรรมการแต่งกายในอิหร่าน โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวหญิงอย่างเรา ที่นี่มีกฎหมายอิสลามกำหนดให้ผู้หญิงต้องสวม ผ้าคลุมผม (hijab) ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ รวมถึงควรใส่เสื้อผ้าหลวมยาวคลุมสะโพกหรือข้อศอก เช่น เสื้อโค้ทยาวหรือทูนิก พร้อมกางเกงขายาว เราทุกคนจึงเตรียมตัวกันตั้งแต่ก่อนเดินทาง ทั้งเลือกผ้าคลุมแบบเบาบางที่เข้ากับสภาพอากาศ และชุดเรียบร้อยที่ยังพอสะท้อนสไตล์ส่วนตัวได้เล็กน้อย
เตหะรานยามสาย: เส้นทางแห่งศรัทธาและพระราชวัง
เมื่อเสียงจากห้องอาหารข้าง ๆ ปลุกให้ตื่น ฉันล้างหน้าอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมตัวออกเดินสำรวจเมืองหลวงของอิหร่านในวันแรก ผู้จัดการที่พักแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับวันนี้ ว่าควรไปย่าน Tajrish ซึ่งมีตลาดเก่าและมัสยิดสำคัญ จากนั้นต่อไปยัง Sa’d Abad Museum Complex พระราชวังของราชวงศ์ปาห์ลาวีที่อยู่ใกล้กัน
เราเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินใกล้ที่พัก และซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินคนละ 42,500 ริอัล (ประมาณ 34 บาท) รถไฟใต้ดินในเตหะรานมีการจัดตู้เฉพาะสำหรับผู้หญิงไว้ที่หัวและท้ายขบวน เราขึ้นตามกลุ่มผู้หญิงในท้องถิ่นอย่างไม่ยากเย็นนัก

Imamzadeh Saleh Mosque: ศูนย์รวมจิตวิญญาณแห่ง Tajrish
ตลาด Tajrish คึกคักด้วยผู้คนและร้านค้าแทบทุกชนิด ตั้งแต่ผลไม้แห้ง เครื่องเทศ ไปจนถึงเครื่องเงินและเสื้อผ้า เราเดินลัดเลาะผ่านกลิ่นหอมของน้ำกุหลาบและเสียงต่อรองราคาจนถึง มัสยิด Imamzadeh Saleh — ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจุดหมายของผู้แสวงบุญจำนวนมาก
|
|
|
มัสยิดแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของ Imamzadeh Saleh ซึ่งเป็นลูกหลานของอิหม่ามคนที่ 7 ในศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งในเตหะราน ตัวมัสยิดสีเขียวสด งดงามด้วยกระเบื้องเคลือบและกระจกแวววาว มินาเร็ตสูงสง่างามทอดเงาเหนือหัวผู้คนในลานกว้างด้านหน้า
ผู้หญิงทุกคนต้องคลุมผ้าเพิ่มอีกชั้นก่อนเข้าไปด้านใน ซึ่งทางมัสยิดมีผ้าคลุมให้บริการฟรี ฉันเข้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะถอยออกมา เพราะภายในแน่นขนัดไปด้วยผู้ศรัทธาที่กำลังทำละหมาด

Sa’d Abad Museum Complex: ความรุ่งเรืองและร่องรอยแห่งอดีต
จากมัสยิด เรานั่งแท็กซี่ต่อไปยัง Sa’d Abad Museum Complex โดยต่อรองราคาค่าโดยสารได้ที่ 150,000 ริอัล (ราว 119 บาท) ด้านหน้าทางเข้ามีเคาน์เตอร์ขายบัตร โดยเราตัดสินใจเลือกเข้าชม 2 แห่งคือ White Palace และ Green Palace
ที่นี่เคยเป็นเขตพระราชฐานในสมัยราชวงศ์กาจาร์ ก่อนจะถูกขยายและพัฒนาโดยราชวงศ์ปาห์ลาวีในศตวรรษที่ 20 ตัวสวนขนาดใหญ่ภายในปกคลุมด้วยต้นไม้สูงใหญ่และทางเดินหินกรวด


White Palace หรือพระราชวังขาว เป็นอาคารที่พระเจ้าชาห์โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ใช้เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ตะวันตก หรูหราและสะท้อนความมั่งคั่ง
ส่วน Green Palace หรือวังเขียว เป็นอาคารหินอ่อนสีเขียวที่มีการตกแต่งภายในแบบเปอร์เซียดั้งเดิมผสมผสานกับอิทธิพลยุโรป ดูคลาสสิกและอบอุ่นไปอีกแบบ
เราค่อย ๆ เดินชมไปตามทาง สวนร่มรื่นและอากาศเย็นสบายช่วยคลายเหนื่อยลงบ้าง แต่ก็เรียกว่าหมดแรงไม่น้อยเลยเมื่อเดินครบทุกจุด


เรากลับถึงที่พักตอนหกโมงเย็น และใช้เวลาช่วงเย็นนัดหมายกับไกด์ท้องถิ่นที่จะเจอกันที่ Kerman สำหรับวันพรุ่งนี้ กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบทุ่ม จากนั้นพวกเราเดินออกไปซื้ออาหารง่าย ๆ มากินในโฮสเทล
คืนนี้ต้องเข้านอนเร็ว เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อออกเดินทางสู่เมืองใหม่ทางตอนใต้ — Kerman







Leave a Reply