การเข้าอิหร่านสำหรับคนไทยยังต้องขอวีซ่า แต่มีทางเลือกสะดวกคือ Visa on Arrival (VoA) ซึ่งสามารถทำได้ที่สนามบิน Imam Khomeini International Airport ในเตหะราน
- ค่าธรรมเนียม: 75 ยูโร
- สิ่งที่ต้องเตรียม:
- ประกันการเดินทางที่ครอบคลุมประเทศอิหร่าน
- ชื่อและที่อยู่โรงแรมในคืนแรก (เราใช้ Hi Tehran Hostel – จองล่วงหน้าออนไลน์ได้)
- หนังสือเดินทาง
- กรอกฟอร์มใบเล็กๆ ระบุรายละเอียดการเข้าพักและเที่ยว
หลังจากกรอกเอกสารและจ่ายเงินที่ธนาคารในสนามบินแล้ว ก็นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่เคาน์เตอร์วีซ่า เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดี ไม่ซับซ้อนค่ะ แค่ต้องรอนานหน่อย
สิ่งที่แปลกใจคือ เมื่อได้รับพาสปอร์ตคืนมา ไม่มีตราปั๊มหรือสติ๊กเกอร์ใดๆ แปะไว้ เพราะใช้ระบบ E-visa แค่เดินผ่าน ตม. พร้อมพาสปอร์ต ก็เข้าเมืองได้เลย สะดวกกว่าที่คิดไว้มาก


โปรแกรมเดินทาง
เที่ยวอิหร่านด้วยตนเอง – เดินทางผ่านกาลเวลา สัมผัสตำนานกลางทะเลทราย
อิหร่านไม่ใช่ประเทศที่ใครๆ ก็วางแผนจะไปในลิสต์แรกๆ แต่สำหรับเรา การได้ใช้เวลา 11 วันเดินทางด้วยตนเองกับเพื่อนอีก 3 คน กลับกลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุด เราเริ่มต้นในเดือนเมษายน 2018 ด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมจะเรียนรู้ทุกเรื่องราวของดินแดนแห่งเปอร์เซียโบราณ
แม้การเดินทางจะสะดุดเล็กน้อยจากการที่การบินไทยยกเลิกเที่ยวบินตรงไปเตหะราน แต่สายการบินก็เปลี่ยนเส้นทางให้โดยต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เพื่อขึ้น Emirates ไปยังเตหะราน ทำให้เสียเวลาไปเกือบหนึ่งวันเต็ม แต่ก็ถือว่าได้พักเหนื่อยระหว่างทาง ก่อนจะไปเผชิญอากาศร้อนจัดและแสงแดดที่ทะเลทรายของอิหร่าน
เราเดินทางตามเส้นทางที่คล้ายกับกองคาราวานในอดีต เริ่มต้นจากทางตอนใต้ของประเทศ แล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นสู่กรุงเตหะรานในตอนท้าย โดยมีจุดหมายหลักอยู่ที่ทะเลทราย Dasht-e Lut – หนึ่งในสถานที่ที่ร้อนที่สุดในโลก และเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ด้วยภูมิประเทศที่ราวกับหลุดไปอยู่บนดาวเคราะห์อีกดวง
ไฮไลต์ของการเดินทาง:
- Tehran – Kerman – Shiraz – Persepolis – Yazd – Isfahan – Abyaneh – Kashan – Qom – กลับสู่ Tehran
โปรแกรมของเราแน่น แต่ไม่อึดอัด ทุกเมืองมีเสน่ห์และเรื่องเล่าเฉพาะตัว ตั้งแต่ปราสาท Rayen กลางทะเลทราย ไปจนถึงนครโบราณ Persepolis ที่พาเราย้อนกลับไปสู่ยุคของจักรวรรดิอคีเมนิด หรือจะเป็น Yazd เมืองกลางทะเลทรายที่โดดเด่นด้วย windcatcher (หอจับลม) ระบบอัจฉริยะในการระบายอากาศแบบโบราณที่ยังใช้งานได้จริงจนถึงปัจจุบัน
บ้านเรือนสีดินส้มกำแพงสูงใน Yazd ทำให้รู้สึกเหมือนเราเดินอยู่ในหนังสือเรื่อง หนึ่งพันหนึ่งราตรี ส่วนเมืองอย่าง Isfahan และ Shiraz ก็พาเราเข้าไปใกล้ศิลปะวรรณกรรมของอิหร่าน ผ่านมัสยิดสีฟ้า จัตุรัสเก่า และบ้านกวีผู้ยิ่งใหญ่อย่างฮาเฟซ
และเมื่อถึงเตหะรานในวันท้ายๆ เราได้ใช้เวลาทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากตลอดเส้นทางในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของอิหร่าน ซึ่งจัดแสดงตั้งแต่โบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงสมัยหลังปฏิวัติอิสลามในทศวรรษที่ 1980







Leave a Reply