Nim Journey

A Legend of Travel

Santiago  เดินเรื่อยๆ กับเมืองที่คุ้นหน้าในต่างซีกโลก
Posted in , , ,

การเดินทางใน Santiago เมืองหลวงของชิลี เริ่มต้นด้วยความรู้สึกคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก… ถนนที่ปูด้วยหินเก่า ตึกสูงที่มีลวดลายแบบคลาสสิก ป้ายชื่อถนนที่มีอักษรสเปนติดเรียงราย ดูๆ ไปเหมือนกำลังเดินอยู่ในยุโรปสักเมืองหนึ่ง มากกว่าจะเป็นอเมริกาใต้

และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะ Santiago เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของสเปนมานานหลายร้อยปี สถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองหลายจุดจึงได้รับการหล่อหลอมจากยุโรปเต็มๆ แรกๆ ก็เพลินดีนะ…แต่พอเดินไปเรื่อยๆ มันเริ่มซ้ำ เริ่มเดาได้ว่าเลี้ยวหัวมุมถนนไปจะเจออะไร คล้ายกับว่าเคยเห็น เคยเดินผ่านที่ไหนมาก่อน

สิ่งที่ทำให้รู้สึก “อเมริกาใต้” จริงๆ คือการหลบแดดร้อนๆ เข้าไปใน Museo Chileno de Arte Precolombino พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณจากอารยธรรมก่อนยุคล่าอาณานิคมในแถบละตินอเมริกา ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่เล่าเรื่องราวของอารยธรรมโบราณในแถบแอนดีสอย่างลึกซึ้ง

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงสิ่งของจากอารยธรรมหลากหลาย เช่น อินคา มาปูเช มายา และแอซเท็ก ทั้งหม้อดินเผาลวดลายซับซ้อน หน้ากากพิธีกรรมที่ทำจากไม้และทองแดง ผ้าทอที่ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ เครื่องประดับที่ทำจากหยก หิน และทองคำ ไปจนถึงมัมมี่อายุนับพันปีที่พบในพื้นที่ทะเลทรายอาตาคามา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่โชว์ความงดงามทางศิลปะ แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และระบบสังคมของผู้คนที่เคยอาศัยอยู่บนแผ่นดินอเมริกาใต้ก่อนโลกจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ที่นี่มีการจัดแสดงแบบจัดวางแสงและเสียงที่ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป ยืนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง และที่สำคัญคือ ได้เข้าชมฟรีในวันนั้นแบบไม่คาดฝัน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าการหลบเข้ามาพักจากแดดร้อนในเมืองนั้น เป็นของขวัญเล็กๆ จากการเดินทาง

วันอาทิตย์ใน Santiago เงียบกว่าที่คิด ร้านรวงส่วนใหญ่พากันปิดแม้แต่ Starbucks ยังปิดไฟล็อกประตู ซอยที่เคยครึกครื้นกลายเป็นถนนร้าง คนในเมืองหายไปไหนหมดก็ไม่รู้

แต่ทั้งหมดกลับมารวมตัวกันที่ Plaza de Armas ลานกลางเมืองที่กลายเป็นหัวใจของชีวิตชาว Santiago โดยเฉพาะวันหยุด ถนนคนเดินแถบนี้เต็มไปด้วยผู้คน ศิลปินเปิดหมวก พ่อค้าแม่ค้าปูผ้าโชว์ของขาย พอเจ้าหน้าที่เดินมาเท่านั้นแหละ ของทุกอย่างหายวับเข้าห่อ เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นจังหวะที่ทั้งฮาและจริงใจดี

อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสาย แต่ทริปวันเดียวที่วางไว้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป

ฉันแวะที่ ตลาดกลางเมืองซานติอาโก (Mercado Central de Santiago) ตลาดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ จากมหาสมุทรแปซิฟิก ร้านอาหารภายในตลาดตกแต่งคลาสสิกในอาคารเหล็กหล่อที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุโรป

ฉันเลือกนั่งที่ร้านหนึ่ง บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เสิร์ฟข้าวร้อนๆ กับปลาทอดชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น หนังกรอบนิดๆ คู่กับซอสเขียวรสจัดจ้าน ข้างๆ ยังมีขนมปังในตะกร้าเตรียมไว้ให้อีกต่างหาก

นั่งกินไป ยิ้มไป ในใจรู้สึกอิ่มทั้งท้องและอิ่มใจ นั่งมองไปรอบด้านอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะพาตัวเองมายังอีกซีกโลกด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ ในใจมีทั้งความกล้ากลัว แต่ก็ทั้งอิ่มใจและสะใจ

จุดไฮไลท์ของวันอยู่ที่ยอดเขา Cerro San Cristóbal จุดชมวิวที่สูงที่สุดในเมือง ซึ่งมองเห็น Santiago ได้กว้างไกลสุดสายตา…แต่วันนั้น สุดท้ายกลับไม่ได้ขึ้นไป

แม้จะเดินทางมาถึงตีนเขาแล้วแท้ๆ แต่เหมือนแรงบันดาลใจหายไปเฉยๆ รถราง funicular ปิดซ่อม และต้องต่อคิวขึ้นรถบัสแทน รถบัสที่ไม่รู้ราคาค่าโดยสาร และแถมยังมีเงื่อนไขว่าขาลงต้องเดินเอาเอง หรือไม่ก็แชร์แท็กซี่กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้แน่ชัดว่าแท็กซี่จะรอกลับไหม

สุดท้าย… กลัวว่าเข่าจะเจ็บ เท้าจะพัง จนกระทบแผนเดินทางในอีกหลายวันข้างหน้า ก็เลยเดินกลับออกมาเงียบๆ ขึ้นเมโทรกลับที่พัก

แต่กลับไปก็ใช่ว่าจะโล่งใจ คนในโฮสเทลหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เสียดาย!” โดยเฉพาะซาลิน เพื่อนร่วมห้องที่กลับมาพร้อมรอยยิ้มและรูปถ่ายจากยอดเขา ยิ่งฟังยิ่งเจ็บใจในความลังเลของตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าโอกาสจะกลับมา Santiago อีกครั้งน่ะ… ไกลสุดขอบฟ้า นั่งเครื่องปวดหลัง ปวดเอว จะมาอีกคงคิดหนัก

พรุ่งนี้ไปแก้ตัวละกัน

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.