วันที่ 4 : ลัดเลาะชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์

เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้า ลมหนาวพัดมากระทบแก้มให้ตื่นเต็มตาเร็วกว่าเสียงนาฬิกา ล้อรถเริ่มหมุนอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่เส้นทางสายใต้ของไอซ์แลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยที่สุดสายหนึ่งของประเทศ

น้ำตก Seljalandsfoss คือจุดแรกที่เราแวะ น้ำตกสูงชะลูดราว 60 เมตร ที่ความพิเศษอยู่ตรง “ถ้ำด้านหลัง” เราสามารถเดินลอดผ่านม่านน้ำตกลงไปได้! มันเหมือนเดินทะลุม่านเวทมนตร์ กลิ่นของมอสเขียวชื้นผสมละอองน้ำเย็นเฉียบทำให้รู้สึกสดชื่นจับใจ ถ้ามาช่วงเย็น แสงอาทิตย์ยามเย็นจะลอดผ่านละอองน้ำ ตกกระทบเป็นรุ้งงามจับตา—แต่น่าเสียดาย วันนี้เราเจอกับเมฆหนานุ่มที่คลุมฟ้า

ขับต่อมาอีกไม่ไกลก็ถึง น้ำตก Skógafoss ที่สูงไม่แพ้กัน แต่ยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งกว่า น้ำตกนี้คือฉากหลังของตำนานท้องถิ่นว่าด้วยขุมทรัพย์ที่ไวกิ้งซ่อนไว้หลังม่านน้ำ คนท้องถิ่นเชื่อว่า ถ้ามาในเช้าที่แดดออก จะเห็นรุ้งสองชั้นพาดผ่านตรงกลางน้ำตกพอดี—และมันก็เกิดขึ้นจริง! เรายืนตะลึงกับสายรุ้งซ้อนคู่นั้นนานนับนาที มันสวยจนเหมือนภาพฝัน

หลังจากนั้นเรามุ่งหน้าสู่ซากที่ไม่คาดคิด—ซากเครื่องบิน DC-3 บนหาด Sólheimasandur เดินเท้าเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตรท่ามกลางทุ่งลาวาดำล้วนเหมือนอยู่ในดินแดนอีกโลก เครื่องบินลำนี้ตกเมื่อปี 1973 แต่ลูกเรือทุกคนรอดชีวิต ตอนนี้มันกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ โครงเหล็กเปลือยต้านลมหนาวบนพื้นทรายดำ ดูเหงาและโดดเดี่ยวอย่างมีเสน่ห์

ต่อจากนั้นคือ Dyrhólaey หน้าผาหินโค้งริมทะเล ที่ชื่อแปลว่า “เกาะประตู” เพราะมีโค้งหินธรรมชาติยื่นออกไปในทะเลเหมือนประตูบานยักษ์ ถ้ามาช่วงฤดูร้อน เราอาจได้เห็น นกพัฟฟิน ตัวกลมๆ ปากสีสันสดใสเกาะอยู่เต็มหน้าผา แต่น่าเสียดาย ช่วงที่เรามานั้นพวกมันน่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว เหลือเพียงสายลมแรงจนต้องก้าวขาต้านแรงลม และวิวของมหาสมุทรแอตแลนติกอันไกลโพ้น

เราจบทริปวันนี้ด้วยการเข้าพักในเมืองเล็กๆ ชื่อว่า Vík í Mýrdal หรือเรียกสั้นๆ ว่า Vík เมืองชายฝั่งเล็กๆ ที่มีเสน่ห์เหลือเกิน ถึงแม้จะเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟ Katla ซึ่งยังคุกรุ่นอยู่ แต่ชาวเมืองก็ยังใช้ชีวิตอย่างสงบ มีโบสถ์หลังน้อยอยู่บนเนินเขา เป็นมุมคลาสสิกที่ถ้าได้ขึ้นไปจะมองเห็นทั้งเมืองและหาด Reynisfjara ได้ในมุมสูง

คืนนี้เราพักกันในกระท่อมไม้เล็กๆ อบอุ่น มีเสียงลมตีหลังคาเบาๆ เป็นดนตรีกล่อมนอน พร้อมความรู้สึกว่า—ไอซ์แลนด์ยังมีอะไรให้เราค้นหาอีกมากมายในวันถัดไป