วันนี้เป็นวันที่เราต้องเดินทางยาวนาน ข้ามทุ่งหิมะสีขาวโพลนที่ทอดยาวสุดสายตา
เส้นทางพาเราลัดเลาะเข้าสู่ป่าสนหนาทึบ ลึกเข้าไปในธรรมชาติอันดิบเถื่อน
ผ่านแม่น้ำที่เพิ่งเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ผิวน้ำบางๆ เป็นประกายวาววับน่าหวาดหวั่น
ทุกล้อหมุนมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Khovsgol ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ชาวมองโกลเรียกว่า “Blue Pearl of Mongolia” ไข่มุกสีน้ำเงินแห่งแดนเหนือ
หลายวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดี
แม้อากาศจะหนาวเหน็บจนลมหายใจกลายเป็นไอ แต่ฟ้าก็ใส แดดก็อุ่นพอให้ใจเบิกบาน
จนกระทั่งวันนี้…
หิมะเริ่มโปรยลงมาตั้งแต่เช้า และไม่เคยหยุด
ถนนขาวโพลนจนแยกไม่ออกว่าเป็นทางหรือทุ่ง
บรรยากาศเงียบงัน อ้างว้าง และห่อเหี่ยว
ท้องฟ้าหม่นเทา คล้ายจะร้องไห้ไปพร้อมกับเรา
เส้นทางเบื้องหน้า เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
รถของเราต้องลุยฝ่าหิมะหนา ขึ้นเนิน ลงหล่ม และข้ามแม่น้ำที่ยังจับตัวไม่สนิทดี
ผิวน้ำแข็งบางและเปราะ ราวกับพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ
บ้านร้างหลังเดียวที่เราเจอ กลางพื้นที่ว่างเปล่า ดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์เงียบ
ไม่มีควันไฟ ไม่มีรอยเท้า มีเพียงเงาสะท้อนในหิมะที่คอยย้ำว่า เราอยู่กลางที่ที่ไม่มีใคร
Tumruu คนขับรถและไกด์ชาวมองโกลของเรา ต้องเดินนำหน้าเป็นระยะ เพื่อเช็กเส้นทาง
หิมะหนาและพื้นน้ำแข็งเบื้องล่างทำให้ทุกก้าวยากจะคาดเดา
แต่เขาก็ยังนิ่ง สุขุม และไม่พูดมาก เหมือนคนที่ชินกับธรรมชาติที่ไม่เคยปรานี
ในที่สุด… เราเจอบ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบ
หลังคาแหลมชันคลุมด้วยหิมะหนา เตาผิงยังอุ่น เราขอแวะพัก ขอใช้ครัวเล็กๆ เพื่อทำอาหารง่ายๆ สักมื้อ
เติมพลังให้ร่างกาย ก่อนจะออกเดินทางกันต่อ

ขณะที่ Tumruu เดินไปสำรวจเส้นทาง ฉันลงจากรถ ยืนอยู่กลางหิมะที่เย็นเจ็บจนปลายมือชา
รอบตัวเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง
บรรยากาศในรูปดูคลาสสิก ราวกับโปสการ์ดจากแดนไกล
แต่ในใจฉันวุ่นวาย
“กรูจะรอดมั้ยเนี่ย… หิวด้วย“
“My life is a snapshot, not planned.”
บางครั้งชีวิตก็เหมือนกล้องที่ไม่ได้ตั้งค่าอะไรไว้เลย
มันบันทึกทุกสิ่ง ทั้งแสงดี แสงร้าย ทั้งสวยงามและสั่นคลอน
และนั่นแหละ—คือสิ่งที่ทำให้มันจริง
Nov.9 , 2015







Leave a Reply