Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in ,

การเดินทางไปสังขละบุรีไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากระยะทางกว่า 200 กิโลเมตรจากตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ด้วยความตั้งใจและความตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสความงดงามของเมืองชายแดนนี้ เราจึงขับรถไปอย่างไม่รีบร้อน พร้อมแผนการเดินทางที่เตรียมมาจากอินเทอร์เน็ต การขับรถผ่านทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงจากเมืองใหญ่ไปสู่ธรรมชาติอันเงียบสงบทำให้รู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา

เส้นทางสู่สังขละบุรี

วันนี้เราโชคดีอากาศเป็นใจ ไม่มีฝน แต่แดดก็ร้อนเปรี้ยงเลย ที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครอง และต้องการสร้างทางรถไฟเพื่อเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ไปสู่ประเทศพม่าและอินเดีย โดยได้เกณฑ์เชลยศึกสงครามมาช่วยกันสร้าง ในเส้นทางรถไฟนี้ ต้องมีช่วงที่ข้ามแม่น้ำแควใหญ่แห่งนี้ ซึ่งการก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้มีเชลยสงครามมาเสียชีวิตจากการทารุณของทหารญี่ปุ่นจำนวนมาก ใกล้ๆ กันยังมีสุสานทหารเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึง ในส่วนของสะพานถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์แห่งสันติภาพในเวลาต่อมา ผู้คนมากมายไม่ว่าชาวไทยหรือต่างชาติต่างมาเยี่ยมเยือนที่นี่ รวมทั้งเรากับเจ้แหวว ถ่ายรูปไปเหงื่อตกไป แถมต้องมาเสียพลาสติกช่องมองของกล้องตกหล่นไปที่นี่ซะด้วย

ระหว่างเส้นทางเพื่อเดินทางไปสู่สังขละบุรี สองข้างทางมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ด้านซ้ายมีทิวเขาเป็นแนวยาว น่าจะเป็นแนวเขาถนนธงชัย สองข้างทางเขียวขจีด้วยต้นไม้ ร่มรื่นตลอดทาง เราขับรถไปแวะหาซื้อของกินระหว่างทาง แต่ช่วงออกจากเมืองมาระยะหนึ่งจะไม่ค่อยมีร้านค้าหรือปั๊มน้ำมัน ดังนั้นถ้าขับรถไปเองต้องดูน้ำมันให้เต็มถังเพื่อความสบายใจ

ช่วงเส้นทาง 100 กิโลเมตรหลังเป็นเส้นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว แต่ถนนหนทางทำไว้ดีมาก เราแวะไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เขื่อนเขาแหลม จุดชมวิวต่างๆ รวมถึงป้อมปี่ด้วย มีคนมากางเต็นท์นอนอยู่ 2-3 หลัง การหยุดพักตามจุดชมวิวเหล่านี้ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายและดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ

ที่พัก: สามประสบรีสอร์ท

เราเข้าพักที่สามประสบรีสอร์ทในช่วงเย็น ค่าห้องคืนละ 800 บาท พร้อมแอร์และน้ำอุ่น ที่พักแห่งนี้เป็นหนึ่งในรีสอร์ทแรกๆ ของสังขละบุรี และตั้งอยู่ใกล้สะพานไม้ ช่วยให้เราสามารถเดินไปสะพานได้สะดวก ที่นี่ยังมีเส้นทางที่หลวงพ่ออุตตมะเคยใช้เป็นทางเดินไปยังสะพานอุตตมานุสรณ์

หลังจากเช็กอิน เราออกไปเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ท บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกและลมพัดเบาๆ ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย มื้อเย็นเราทานที่รีสอร์ท และโชคดีที่ไปถึงก่อนแขกโต๊ะใหญ่ อาหารที่นี่รสชาติดี แม้ราคาจะสูงไปนิด แต่บรรยากาศริมแม่น้ำก็ช่วยให้มื้อนี้พิเศษขึ้นอีกหน่อย

สะพานอุตตมานุสรณ์: สะพานไม้แห่งความสามัคคี

สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวถึง 442 เมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2529 โดยความร่วมมือระหว่างชาวมอญและชาวไทย เพื่อเชื่อมต่อชุมชนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำซองกาเรีย เดิมทีสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านสามารถเดินทางไปมาหาสู่กัน ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของสังขละบุรี

เมื่อเราไปถึงสะพานครั้งแรก เราตกใจที่เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งที่ขับรถขึ้นมาดูเหมือนไม่มีคนมากนัก การเดินข้ามสะพานพร้อมกับลมเย็นพัดผ่านและเสียงเด็กๆ เล่นน้ำข้างล่างทำให้รู้สึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย เราสังเกตเห็นแม่ชีชาวพม่าหลายรูปกำลังเดินข้ามสะพานพร้อมเสียงสวดเบาๆ เราถ่ายรูปพวกเธอขณะเดินผ่าน แต่ก็รู้สึกได้ถึงความเขินอายที่พวกเธอแสดงออกด้วยรอยยิ้มบางๆ

การล่องเรือชมวัดจมน้ำ

เช้าวันถัดมา เราเช่าเรือในราคา 300 บาทต่อชั่วโมง เพื่อไปเยี่ยมชมวัดจมน้ำ หรือวัดใต้น้ำ ซึ่งเป็นวัดเก่าของหลวงพ่ออุตตมะที่ถูกน้ำท่วมหลังจากสร้างเขื่อนเขาแหลม การล่องเรือผ่านผืนน้ำที่สงบเงียบพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์เบาๆ ช่วยให้เราได้ชื่นชมความงดงามของธรรมชาติและเรื่องราวเบื้องหลัง

เมื่อไปถึงวัดจมน้ำ เราเห็นโครงสร้างเจดีย์และศาลาวัดที่ยังคงโผล่พ้นน้ำ แม้จะเหลือเพียงซาก แต่ก็เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ การได้เห็นสถานที่นี้ทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเวลา และเรื่องราวของชุมชนที่ต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อความอยู่รอด

วัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยา

หลังจากล่องเรือ เราเดินทางไปเยี่ยมชมวัดวังวิเวการาม ซึ่งเป็นวัดใหม่ที่หลวงพ่ออุตตมะสร้างขึ้นหลังจากวัดเดิมจมน้ำ ที่นี่เงียบสงบและเหมาะสำหรับการทำสมาธิ ใกล้กันคือเจดีย์พุทธคยา ที่จำลองแบบมาจากพุทธคยาในประเทศอินเดีย เจดีย์นี้มีสีทองอร่ามและงดงามมาก การเดินรอบเจดีย์และสัมผัสถึงศรัทธาของชาวบ้านทำให้รู้สึกสงบใจอย่างบอกไม่ถูก

ด่านเจดีย์สามองค์: ชายแดนไทย-พม่า

จุดสุดท้ายของการเดินทางคือด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของฝั่งตะวันตกของประเทศไทย เจดีย์สามองค์เล็กๆ นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างไทยและพม่า เราเดินชมรอบๆ บริเวณด่าน แม้ด่านจะปิดในวันที่เราไป แต่ตลาดท้องถิ่นยังคงคึกคักเต็มไปด้วยสินค้าจากฝั่งพม่า เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องประดับ และกล้วยไม้ ราคาถูกและมีเอกลักษณ์

การเดินทางกลับและบทสรุป

ขากลับเราขับรถเส้นทางใหม่ผ่านกำแพงแสน บางเลน และบางบัวทอง ก่อนจะกลับถึงสระบุรีในช่วงค่ำ การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่งดงาม ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ การได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวมอญ การเดินข้ามสะพานไม้ และการล่องเรือชมวัดจมน้ำ ทำให้ทริปนี้เป็นหนึ่งในการเดินทางที่น่าจดจำที่สุดของเรา

ทริคเล็กๆ สำหรับนักเดินทาง

  • เตรียมแผนการเดินทางล่วงหน้า และตรวจสอบเส้นทางอย่างละเอียด โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างไกลในบางช่วง
  • พกกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์สำรอง เนื่องจากมีสถานที่สวยงามหลายแห่งให้ถ่ายภาพ
  • เลือกช่วงเวลาที่อากาศดีเพื่อหลีกเลี่ยงฝน และเพื่อสัมผัสกับวัดจมน้ำที่โผล่พ้นน้ำในหน้าแล้ง

สังขละบุรีไม่ใช่เพียงจุดหมายปลายทาง แต่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจและมิตรภาพระหว่างวัฒนธรรมไทย-มอญที่ยังคงงดงามจนถึงวันนี้

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.