รถตู้นอนแบ่งเป็นเตียงบนล่างสี่เตียง ภายในห้องมีขนาดพอๆ กับรถไฟที่ฉันเคยนั่งจากเฉินตูไปลาซา แต่ทางเดินด้านนอกแคบกว่าและไม่มีเก้าอี้ให้นั่งเล่น ทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่เลือกหมกตัวอยู่ในห้องของตัวเอง รถไฟมีตารางเวลาบอกจุดแวะและเวลาหยุดแต่ละสถานี เขียนเป็นภาษารัสเซียทั้งหมด ฉันต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความเข้าใจกับมัน
ไม่นานหลังจากรถไฟออกจากสถานี พนักงานสาวชาวรัสเซียที่เรียกว่า “Provodnitsa” เดินเข้ามาตรวจตั๋วอีกครั้ง เธอสวมเครื่องแบบสีเข้มที่ดูเรียบร้อยและมีท่าทางขึงขัง Provodnitsa ไม่ได้มีหน้าที่เพียงตรวจตั๋วเท่านั้น แต่ยังดูแลความเรียบร้อยบนรถไฟทั้งหมด ตั้งแต่จัดการที่นอน ทำความสะอาดห้องน้ำ เติมน้ำร้อนใน Samovar ไปจนถึงปลุกผู้โดยสารเมื่อถึงที่หมาย แม้ในยามค่ำคืน เธอยังให้บริการขนมขบเคี้ยว ไอศกรีม และของใช้ต่างๆ เช่น จาน ชาม และช้อน
ฉันเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติคนเดียวบนตู้ที่เธอดูแล เธอจึงให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ หลังจากตรวจตั๋วเสร็จ เธอเรียกฉันให้เดินตามไปแนะนำสิ่งต่างๆ บนรถไฟ พาฉันไปดูห้องน้ำ ชี้ให้ดูวิธีการใช้งาน และแนะนำ Samovar กาต้มน้ำโลหะใบใหญ่ที่มีน้ำร้อนให้บริการตลอดการเดินทาง สำหรับชงชา กาแฟ หรือต้มมาม่า เธอยังชี้ไปที่ชั้นวางขนมขบเคี้ยว และทำท่าบอกว่าอย่าหยิบไปเฉยๆ ต้องจ่ายเงินก่อนนะ ฉันหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
เธอตบท้ายว่า หากมีปัญหาอะไรให้แจ้งกับเธอ เพราะเธอสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้เกือบทุกอย่าง แต่ฉันก็หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เพราะการสื่อสารระหว่างเรายังเป็นอุปสรรคอยู่มาก
ช่วงเย็นเจ้าหน้าที่นำอาหารมาแจกให้ผู้โดยสารตามห้อง อาหารมื้อนี้รวมอยู่ในราคาตั๋วแล้ว ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกลก็จะได้รับอาหารหนึ่งมื้อ ฉันได้รับกล่องข้าวที่มีข้าวแฉะๆ กับไก่หนึ่งชิ้น และขนมปังหนึ่งก้อน เรานั่งทานข้าวมื้อแรกบนรถไฟพร้อมกับเพื่อนร่วมห้อง ขณะที่แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลง แม้บรรยากาศจะดี แต่รสชาติอาหารนั้นกลับแย่เสียจนฉันอยากจะบันทึกไว้ว่าเป็น
“ข้าวหน้าไก่ที่ไม่อร่อยที่สุดในโลก”
Samovar ที่ตั้งอยู่หน้าห้องของ Provodnitsa กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของผู้โดยสารตลอดการเดินทาง ฉันมักจะเดินไปเติมน้ำร้อนเพื่อต้มมาม่าหรือชงกาแฟเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ฉันสังเกตเห็นเพื่อนร่วมห้องใช้แก้วน้ำพร้อมที่รองแก้วโลหะสวยงาม เป็นที่รองแก้วสไตล์รัสเซียที่สวมเข้ากับแก้วอีกชั้น ฉันจึงเดินไปชะโงกมองในห้องของ Provodnitsa และพบว่าชุดแก้วนี้สามารถขอยืมได้ เมื่อได้แก้วมาในมือ ฉันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เวลาจิบชาอุ่น ๆ จากแก้วนี้ริมหน้าต่าง ขณะที่ชมวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านทิวเขาและป่าไม้ กลายเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและอบอุ่นในใจ
วันต่อมาระหว่างที่ฉันนั่งเล่นอยู่ในห้อง Provodnitsa คนงาม เดินเข้ามาพร้อมกับถังใส่ไอศกรีม เธอพูดภาษารัสเซียกับเพื่อนร่วมห้อง แต่ทุกคนส่ายหน้าปฏิเสธ เธอหันมามองฉัน แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินออกไป ฉันสงสัยว่าเธอน่าจะมาขายไอศครีม เลยตัดสินใจเดินตามออกไปดู และก็เป็นอย่างที่คิด เธอกำลังขายไอศกรีม ฉันรีบซื้อรสวานิลลามาแท่งหนึ่ง และมันกลายเป็นของโปรดในช่วงเวลานั้น รสชาติหวานมันเข้มข้น เป็นสิ่งดีงามท่ามกลางอาหารที่ไม่ค่อยถูกปาก
นับจากวันนั้นทุกครั้งที่ Provodnitsa เดินขายไอศกรีม เธอจะยื่นแท่งโปรดให้ฉันโดยไม่ต้องถาม บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนเราเริ่มสื่อสารกันได้ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ ก็ตาม
การเดินทางบนรถไฟสายยาวนี้เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความแปลกใหม่และความไม่คุ้นชิน แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นในทุกวัน แม้จะมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ และฉันตั้งตารอว่าการเดินทางครั้งนี้จะพาฉันไปพบเจออะไรอีกบ้าง







Leave a Reply