การเดินทางเช้านี้เริ่มต้นด้วยรถไฟ suburban ที่พาเราออกจากมหานครมอสโคว์ มุ่งหน้าไปยัง Sergiev Posad เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายแห่งศรัทธา รถไฟสายนี้เป็นแบบเร็ว ไม่จอดทุกสถานี ทำให้ประหยัดเวลาไปได้พอสมควร ตั๋วก็สะดวกดี ซื้อตรงด้านหน้าสถานีแล้วใช้สแกนเข้าชานชาลาได้เลย แต่ก็อย่าลืมเก็บไว้ให้ดี เพราะเจ้าหน้าที่จะเดินมาตรวจอีกครั้งบนขบวน
ทันทีที่รถไฟเคลื่อนตัวออกจากเมือง ความรู้สึกกึ่งๆ ตื่นเต้นก็ก่อตัวขึ้น พร้อมกับเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่เริ่มทยอยเผยตัว…
ผู้คนบนรถไฟ – พ่อค้าแม่ขายผู้มีใบอนุญาต
ระหว่างทาง บนขบวนรถมีคนขึ้นมาขายของกันเป็นระยะๆ ซึ่งน่าสนใจตรงที่ทุกคนจะเริ่มต้นด้วยการ “แนะนำสินค้า” ก่อน ไม่ใช่แค่เดินถือของมาเสนอขายกันดื้อๆ คนขายจะใส่เสื้อที่มีป้ายแขวน แสดงว่าได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัย กว่าการปล่อยให้ใครก็ได้ขึ้นมาขายของ

หนึ่งในสินค้าที่สะดุดตามากคือ “แว่นอ่านหนังสือพร้อมไฟฉายเล็กๆ” แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ในตลาดจีน พอฟังคำบรรยายประกอบเท่านั้นแหละ ของธรรมดาก็ดูพิเศษขึ้นมาทันที เหมือนเขาเข้าใจวิธีทำให้ลูกค้าเห็นภาพการใช้งานได้ชัดเจน และที่น่าทึ่งคือ หลายคนเตรียมเงินมาซื้อกันแบบไม่ลังเลเลย
นอกจากของแปลกตาเหล่านี้ ก็มีของกินบ้างประปราย ทั้งน้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว แผ่นพาสติก (ที่ดูเหมือนจะสารพัดประโยชน์) และกาแฟกลิ่นหอมอ่อนๆ แอบคิดถึงข้าวเหนียวหมูปิ้งขึ้นมาทันที… เพราะเช้านี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย!
Sergiev Posad – เมืองแห่งความสงบและศรัทธา
หลังจากนั่งรถไฟประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึง Sergiev Posad เมืองเล็กๆ ที่ดูเงียบสงบแต่แฝงไว้ด้วยพลังบางอย่างจากผู้คนและศาสนา
จากสถานีรถไฟ เราเลี้ยวขวาแล้วเดินตามป้าย “Trinity” ไปเรื่อยๆ เส้นทางร่มรื่นด้วยต้นไม้สูงใหญ่สองข้างทาง อากาศตอนเช้าดูครึ้มๆ เย็นๆ ทำท่าจะมีฝน แต่พอเราแวะเข้าไปในเบอร์เกอร์คิง หาอะไรรองท้อง พอออกมาแดดก็เริ่มทำงานเต็มที่ แสงแดดอุ่นๆ ตัดกับฉากของอารามเก่าแก่ ทำให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าเหมือนภาพวาดที่มีชีวิต
กลุ่มอาคารสีขาวแซมทองของ Trinity Lavra of St. Sergius ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า สมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางแห่งศรัทธาของรัสเซีย ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวรัสเซียเอง โดยเฉพาะนักบวชที่ดูจะมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากในวันนี้
เรื่องเล่าจากอดีต – ประวัติคร่าวๆ ของ Trinity Lavra of St. Sergius
อารามแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1337 โดยนักบุญเซอร์เจียสแห่งราดอเนช (St. Sergius of Radonezh) ซึ่งเป็นนักบุญผู้ได้รับความเคารพอย่างสูงในรัสเซีย จุดเริ่มต้นคือการที่ท่านเข้าไปปลีกวิเวกในป่า แล้วเริ่มสร้างชุมชนทางศาสนาเล็กๆ ขึ้นมา ก่อนจะขยายกลายเป็นอารามขนาดใหญ่ภายหลัง ด้วยบทบาทของท่านในการฟื้นฟูศาสนาคริสต์ออร์โธดอกซ์ในยุคกลาง Trinity Lavra จึงกลายเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของประเทศ

นอกจากความสำคัญทางศาสนาแล้ว ที่นี่ยังมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของรัสเซียอีกด้วย เคยเป็นสถานที่หลบภัยในช่วงสงคราม และเป็นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณและศิลปกรรมล้ำค่า ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) และกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
อาจเป็นเพราะปีนี้เป็นวาระครบรอบ 700 ปีของโบสถ์ Trinity ก็เป็นได้ บรรยากาศเลยคึกคักเป็นพิเศษ แต่ถึงจะไม่ใช่งานพิเศษอะไร ก็ต้องบอกว่าความศรัทธาของผู้คนที่นี่น่าทึ่งจริงๆ
การเข้าชมภายนอกไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถถ่ายรูปได้อย่างอิสระ แต่ถ้าจะเข้าไปด้านใน ควรแต่งกายให้สุภาพ ผู้หญิงควรมีผ้าคลุมศีรษะ ส่วนผู้ชายก็ต้องถอดหมวก ฉันเองไม่ได้เข้าไป เพราะไม่มีผ้าคลุมผม เลยยืนชมความงามจากด้านนอกแทน ซึ่งก็รู้สึกเต็มอิ่มเพียงพอ


สามชั่วโมงที่นี่ ดูเหมือนจะพอสำหรับการเดินเล่นและถ่ายรูป แต่เอาเข้าจริง มันกลับไม่พอเลยสักนิด เพราะทุกมุมมันสวยจนอดใจไม่ได้ ต้องหยิบกล้องขึ้นมาทุกครั้งที่หันไปเจออีกมุมที่งดงาม
จุดเริ่มต้นที่งดงาม
นี่เป็นสถานที่แรกของการเดินทางในรัสเซีย และก็ต้องบอกว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลย — ฟ้าสวย เมืองสงบ ผู้คนมีน้ำใจ และศรัทธาที่จับต้องได้ผ่านแววตาของคนท้องถิ่นที่เดินสวนกันไปมา
บางที… แค่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกแบบนี้ การเดินทางทั้งทริปก็น่าจะงดงามไปตลอดทางแล้วล่ะ







Leave a Reply