Nim Journey

วันนี้ฉันใช้เวลาอยู่ในย่านใจกลางของกรุงมอสโคว์ ทั้งจตุรัสแดง (Red Square), พระราชวังเครมลิน (Kremlin) และมหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil’s Cathedral) ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองนี้ เรียกได้ว่าทั้งวันยกให้ที่นี่เต็มๆ

บันไดเลื่อนใต้ดิน – ยาวจนเห็นชีวิตเมือง

เริ่มต้นวันด้วยรถไฟใต้ดินมอสโคว์ บันไดเลื่อนที่สถานีบางแห่งนี่ไม่ธรรมดาเลย ยาวจนมีเวลาสังเกตชีวิตคนรอบข้างแบบเต็มๆ หลายคนยืนนิ่ง มองไปข้างหน้า บ้างเล่นโทรศัพท์เบาๆ แต่ไม่จมอยู่กับจอแบบที่เราคุ้นตาในเมืองไทย ทุกอย่างดูเป็นระบบ เป็นระเบียบ และเงียบสงบดีจนน่าแปลกใจ

เครมลิน – หัวใจแห่งประวัติศาสตร์รัสเซีย

มาถึงจตุรัสแดงราว 9 โมงครึ่ง เช้านี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่รีบมาซื้อตั๋วเข้าเครมลินก่อน กลัวคิวยาว ปรากฏว่าโชคดีมาก ไม่มีคิวเลย ซื้อตั๋วได้สบาย รวมถึงตั๋วเข้า Armory Chamber ด้วย

เวลา 10 โมง ฉันเข้าไปชม Armory Chamber ซึ่งเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์สมบัติของราชวงศ์รัสเซีย ไฮไลต์คือรถม้าทองคำขนาดใหญ่ ชุดราชาภิเษกของซาร์และซาริน่า อาวุธโบราณ รวมถึงของขวัญจากราชวงศ์ยุโรปอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอดีต

จากนั้นก็เดินชมโบสถ์ภายในกำแพงเครมลิน อย่าง Assumption Cathedral, Cathedral of the Annunciation และ Archangel Cathedral ซึ่งแต่ละแห่งมีความสวยแบบคลาสสิก ไม่ซ้ำกันเลย โดยเฉพาะภายในที่เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังไอคอนแบบรัสเซียดั้งเดิม

เกร็ดน่ารู้: เครมลินไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของรัฐบาลรัสเซียเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมศาสนาและราชวงศ์มาหลายร้อยปี ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ตั้งแต่ปี 1990

ระหว่างเดินชมก็เริ่มหิวมาก เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลย หัวเริ่มมึน ตาลายเล็กน้อย แต่ยังเดินต่อจนถึงบ่ายโมงกว่า ถึงได้หาของกินและจิบกาแฟอุ่นๆ ที่ห้าง GUM (อ่านว่า กุม) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามจตุรัสแดง ห้างนี้สวยมาก ภายในเป็นอาคารสไตล์นีโอคลาสสิก เพดานกระจกโค้งรับแสงธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศโปร่งโล่ง เดินแล้วรู้สึกสบาย

มหาวิหารเซนต์บาซิล – สีสันกลางจตุรัสแดง

หลังจากพักที่ GUM แล้ว ฉันก็เดินต่อไปยัง Saint Basil’s Cathedral ที่อยู่ปลายด้านหนึ่งของจตุรัสแดง ด้านนอกโดดเด่นด้วยโดมหลากสี รูปทรงคล้ายก้นหอยที่เป็นเอกลักษณ์ของรัสเซีย เข้าไปชมด้านในจะเห็นห้องโถงเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันเหมือนเขาวงกต ภายในมีภาพจิตรกรรมและศิลปะทางศาสนาที่ดูขลังและสวยงามกว่าที่คิด

ด้านหลังวิหาร มองไกลออกไปเห็นอาคารใหญ่ทรงสูงคล้ายป้อมปราการ หน้าตาเข้มขรึม ซึ่งเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในอาคารยุคสตาลินที่เรียกว่า “Seven Sisters” อาคารกลุ่มนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายยุค 1940 – ต้น 1950 เพื่อแสดงถึงพลังของสหภาพโซเวียตในการสร้างเมืองแบบสมัยใหม่

เย็นย่ำที่จตุรัสแดง – เมืองหลวงในจังหวะเบา

พอเย็นลง ฉันกลับมาเดินเล่นแถวจตุรัสแดงอีกรอบ คราวนี้บรรยากาศเปลี่ยนไป ผู้คนออกมาเดินเล่นกันมากขึ้น มีร้านขายอาหารเล็กๆ และการแสดงดนตรีริมถนน เสียงกีตาร์คลอเบาๆ กับแสงแดดที่อ่อนลง ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูผ่อนคลายและน่าอยู่ขึ้นอีกเท่าตัว

เดินผ่านโรงละครบอลชอย

ระหว่างทางเดินกลับที่พัก ฉันเดินผ่านอาคารโอ่อ่าหลังหนึ่งที่ดูน่าเกรงขามและสวยคลาสสิก พอหาข้อมูลแล้วถึงรู้ว่านี่คือ โรงละครบอลชอย (Bolshoi Theatre) โรงละครโอเปร่าและบัลเลต์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ด้านหน้ามีเสาโรมันเรียงราย และรูปปั้นเทพอพอลโลขับราชรถอยู่บนยอด เป็นภาพที่งดงามมากโดยเฉพาะเมื่อแสงไฟเริ่มเปิดตอนพลบค่ำ

เกร็ดน่ารู้: Bolshoi ในภาษารัสเซียแปลว่า “ใหญ่” ซึ่งเหมาะกับชื่อของโรงละครนี้มาก เพราะที่นี่คือหัวใจของวงการศิลปะการแสดงของรัสเซียมาอย่างยาวนาน

สองข้างทางระหว่างกลับที่พักเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย บางร้านมีที่นั่งนอกร้าน บางร้านแต่งไฟสวยน่านั่ง เราแวะหาร้านน่ารักๆ ทานมื้อค่ำแบบสบายๆ ก่อนจะเดินต่อกลับห้อง พอได้พักขาหลังเดินมาทั้งวัน ก็รู้สึกว่าวันนี้เต็มอิ่มทั้งภาพสวยๆ และความทรงจำใหม่ๆ ในมอสโคว์

จบวันด้วยความอิ่มใจ

แม้จะเริ่มต้นวันแบบท้องว่างและจบลงด้วยความเมื่อยล้า แต่วันนี้เป็นวันที่ได้เห็นหลายมุมของมอสโคว์ ทั้งความงามทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ และชีวิตประจำวันของคนเมืองหลวง

บันทึกวันนี้คงไม่สมบูรณ์นักถ้าไม่ได้เล่าถึงความรู้สึกเรียบง่ายที่แฝงอยู่ในความยิ่งใหญ่ของสถานที่ต่างๆ เพราะบางที สิ่งที่ทำให้เมืองนี้น่าจดจำ… อาจไม่ใช่แค่สถาปัตยกรรม หรือภาพถ่ายสวย ๆ แต่เป็นจังหวะเล็ก ๆ ที่เราได้ใช้เวลาเดินไปช้า ๆ แล้วค่อย ๆ รู้จักมันมากขึ้นทีละนิด