แม้ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ แต่ความทรงจำยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันยังจำได้ดีถึงภาพของป้าชาวรัสเซียที่ทำท่าวิ่งช้าสลับกับวิ่งเร็ว ขณะที่เรายืนรอรถไฟด้วยกัน พร้อมกับชี้ไปที่ตารางเดินรถในมือของเธอ นั่นเป็นครั้งแรกของฉันกับการโดยสารรถไฟในรัสเซีย จุดหมายคือเมือง Sergiev Posad ซึ่งอยู่ห่างจากมอสโกประมาณสองชั่วโมง
มอสโกเป็นศูนย์กลางการเดินทางทางรถไฟที่สำคัญ มีสถานีรถไฟระหว่างเมืองถึง 9 แห่ง กระจายตัวรอบเมือง ซึ่งแต่ละแห่งให้บริการไปยังจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน:
- Leningradsky Station: ไป เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย
- Belorussky Station: เชื่อมต่อ เบลารุส คาลินินกราด ลิทัวเนีย โปแลนด์ เยอรมนี เช็ก และบางขบวนไปลัตเวีย
- Kazansky Station: ครอบคลุม เอเชียกลาง ไรซาน อูฟา ซามารา โนโวรอสซีย์สก์
- Kievsky Station: บริการเส้นทางไป ยูเครนตะวันตกและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
- Kursky Station: ให้บริการไป รัสเซียตอนใต้ คอเคซัส ยูเครนตะวันออก และไครเมีย
- Paveletsky Station: เชื่อมต่อไป โวโรเนซ ทัมบอฟ วอลโกกราด และอัสตราฮาน
- Rizhsky Station: ไปยัง ลัตเวีย
- Savyolovsky Station: ครอบคลุมเส้นทาง คอสโตรมา เชเรโปเวตส์ และบางขบวนไปโวลอกดา
- Yaroslavsky Station: เป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการเดินทางไป ไซบีเรีย รัสเซียตะวันออกไกล มองโกเลีย และจีน
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ฉันใช้ Yaroslavsky Station ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง ทรานส์ไซบีเรีย เช่นกัน สถานีแห่งนี้คึกคักไปด้วยผู้คน อาคารขนาดใหญ่และซุ้มขายตั๋วตั้งเรียงรายให้บริการนักเดินทาง ฉันเดินสำรวจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า และได้พบกับป้าชาวรัสเซียที่กำลังซื้อตั๋วอยู่ก่อนหน้า
ฉันลองเอ่ยถามว่า “ซื้อตั๋วไป Sergiev Posad ที่นี่ใช่ไหม?” แต่เธอเพียงหันมามองฉันนิ่งๆ ไม่มีท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธ ฉันเริ่มลังเลว่า หรือจริงๆ แล้วคนที่นี่เรียกชื่อเมืองนี้แตกต่างออกไป? จนกระทั่งป้าหันมาย้ำเสียงหนักแน่นว่า “เซอร์เกียฟ โพซัด” ฉันรีบพยักหน้าแรงๆ ทั้งศีรษะและหัวใจตะโกนออกไปว่า “Yes! Yes!” ก่อนจะรีบเรียกเพื่อนๆ ที่กระจายตัวไปหาทางซื้อตั๋วกันคนละทางให้มารวมตัวกัน
ป้าช่วยพูดคุยกับพนักงานขายตั๋วให้ และหันมาชูนิ้วถามว่าเราต้องการกี่ใบ ฉันยกนิ้วเป็นสัญลักษณ์ สามใบ ขณะที่เพื่อนๆ เดินเข้ามาสมทบ เราจ่ายเงินรับตั๋วมาในมือ แล้วป้ายังคงยืนรอ ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยซื้อตั๋ว แต่เพื่อพาเราเข้าไปในสถานี! เธอแนะนำเราให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว ซึ่งเป็นชายร่างใหญ่ในเครื่องแบบที่ดูสง่างาม เขารับตั๋วจากเรา ใส่เข้าตู้ตรวจ แล้วผายมือให้เราเดินเข้าไปด้านใน พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้า
แต่ป้ายังคงไม่จากไป เธอช่วยชี้แนะเราต่อ ว่าควรขึ้นขบวนไหน เพราะตั๋วเดินทางระหว่างเมืองระยะสั้นแบบนี้ไม่ได้ระบุขบวนหรือเวลาแน่นอน ต้องซื้อตั๋วเพื่อผ่านเข้ามาก่อน แล้วค่อยเลือกขบวนที่เหมาะสมเอง ฉันเห็นชื่อ Sergiev Posad บนตารางเดินรถ รีบหันไปขอคำยืนยันจากป้า แต่เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ “ไม่ใช่ขบวนนี้”
ป้าเปิดสมุดตารางรถไฟเล่มเล็กในมือ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวรัสเซียในการวางแผนเดินทาง เธอเลือกอีก 2-3 ขบวนที่กำลังจะมา และอธิบายให้เราฟังด้วยวิธีสุดคลาสสิก—ใช้ภาษากาย เธอทำท่าวิ่งช้าๆ เพื่อสื่อว่าขบวนนี้จะถึงช้ากว่า และทำท่าวิ่งเร็วๆ เพื่อบอกว่าขบวนที่เธอเลือกจะไปถึงเร็วกว่า เราหัวเราะให้กันอย่างเข้าใจและอบอุ่น
แม้เราจะหิวจนท้องร้อง แต่เมื่อฉันกำลังจะเดินไปซื้อของกินจากซุ้มขายอาหาร ป้ากลับจับแขนฉันไว้ ไม่ปล่อยให้ไปไหน เธอคงกลัวว่าเราจะพลาดขบวนที่เธอเลือกให้ และแน่นอน ฉันก็ยอมยืนอยู่ตรงนั้นโดยดี รอให้ขบวนของเราขึ้นตาราง
และเมื่อถึงเวลา ฉันถึงได้รู้ว่า ป้าก็โดยสารขบวนเดียวกับเรา! แต่เธอเลือกนั่งที่ตู้โดยสารข้างหน้า ขณะที่เราไปนั่งอีกตู้ถัดไป เธอทำท่าทางให้เข้าใจว่าเธอจะลงก่อน และบางทีขบวนของเธออาจถูกตัดออกก่อนถึงปลายทางของเรา
บรรยากาศบนรถไฟระหว่าง Moscow – Sergiev Posad ค่าโดยสารเพียง 140 รูเบิล ที่นั่งไม่ระบุหมายเลข ใครมาก่อนเลือกนั่งก่อน ระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของ แต่ไม่ใช่ใครก็ขายได้ พวกเขาต้องสวมเสื้อยูนิฟอร์ม ติดบัตรอนุญาต และต้องแนะนำตัวพร้อมอธิบายสินค้าอย่างเป็นทางการ มีทั้งแฟ้มพลาสติก ปากกา แว่นขยาย แผนที่ และบทสวดมนต์ ขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะซื้อแว่นขยายตามป้าๆ ที่นั่งตรงข้ามดีไหม บรรยากาศรอบตัวกลับทำให้ฉันประหลาดใจ คนรัสเซียที่มักถูกมองว่าเย็นชา กลับคุยเล่นและหยอกล้อกันตลอดทาง แม้ไม่รู้จักกันมาก่อน บทสนทนาที่เริ่มจากสภาพอากาศ กลายเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ สร้างความอบอุ่นขึ้นในขบวนรถไฟ
และแค่เพียงวันที่สองในรัสเซีย ฉันก็เริ่มหลงรักประเทศนี้เข้าแล้ว—ไม่ใช่แค่เพราะสถานที่สวยงาม แต่เพราะน้ำใจและความเป็นมิตรของผู้คน ที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน







Leave a Reply