เริ่มต้นการเดินทาง… หรือแค่ปล่อยให้มันพาเราไป
รถแวนรัสเซียสี่คันกำลังตะลุยไปบนทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีถนน ไม่มีเส้นทางที่แน่นอน มีเพียงทิศทางคร่าวๆ ที่ไกด์ของเรา “เดวิด” กำหนดขึ้นในแต่ละวัน วันนี้เขาบอกว่าเราจะไปดู ibex พรุ่งนี้อาจไปทะเลสาบ มะรืนขึ้นเขา แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน แผนเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หลังจากที่พวกเราพบว่าสัตว์ป่าล้มตายบนเส้นทางขึ้นเทือกเขาอัลไตเมื่อสองสามวันก่อน ทางการกลัวว่าจะมีโรคระบาดและไม่อนุญาตให้เราผ่านไป
ในเมื่อเส้นทางเดิมถูกปิด เราก็ปล่อยให้การเดินทางพาเราไปพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดกันดีกว่า พวกเรานั่งคุยกันบนรถ หัวเราะเฮฮา ทุกครั้งที่ไกด์จอด เราก็ลงไปสัมผัสกับสถานที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นลำธาร ทุ่งหญ้า หรือทะเลสาบใสแจ๋ว ทุกวันเหมือนเป็นการสำรวจโลกใหม่ โลกที่เราไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน ขอแค่เปิดใจและปล่อยให้ธรรมชาติทำหน้าที่ของมัน
บางวันเราเจอฝนกระหน่ำตลอดคืน แต่เมื่อตื่นเช้ามาและเห็นแสงแดดแรกของวันส่องลงมาบนผืนหญ้าที่ชุ่มน้ำ หัวใจก็พลันเบิกบานขึ้นมาอีกครั้ง ฉันและเพื่อนๆ นำเสื้อผ้าเปียกออกมาตากกลางทุ่งหญ้า กลายเป็นภาพที่สวยงามราวกับศิลปะธรรมชาติที่มีชีวิต เราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าท้องฟ้าใสและแดดอุ่นๆ ที่ทำให้วันใหม่สดใสขึ้น
สายน้ำคือชีวิต
เมื่อขับรถไปเรื่อยๆ ดูเหมือนเป้าหมายของเราในแต่ละวันคือการหาแหล่งน้ำ เราแวะตามแม่น้ำ ลำธาร เพื่อกางเต็นท์พักแรม นอนหลับภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ตื่นเช้ามาพร้อมกับแสงแรกของวัน และสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่
ฉันมีโอกาสได้อาบน้ำในลำธารเย็นเฉียบที่ไหลมาจากหิมะละลายบนภูเขาสูง น้ำใสจนมองเห็นก้อนหินใต้ผืนน้ำ มือที่วักน้ำขึ้นมาสัมผัสได้ถึงความเย็นสดชื่น ฉันชอบนั่งแช่เท้าในลำธาร ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับความคิดของฉันที่ล่องลอยไปกับมัน เรานั่งล้อมวงกันริมลำธาร จิบเบียร์เย็นๆ พูดคุยถึงเรื่องราวระหว่างทาง หัวเราะไปกับความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทุกช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับธรรมชาติคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด
ทุ่งดอกไม้กลางขุนเขา
บางวันโชคดี เราขับผ่านทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้เล็กๆ หลากสีสันเบ่งบานท่ามกลางท้องฟ้ากว้างขวาง เมื่อเห็นวิวสวยๆ ทุกคนลงจากรถทันที ราวกับว่าเราเป็นเด็กๆ ที่เพิ่งพบสนามเด็กเล่นใหม่ ฉันเดินย่ำไปท่ามกลางดอกไม้ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเส้นผม สูดกลิ่นอ่อนๆ ของธรรมชาติที่อยู่รอบตัว
ที่นี่จึงกลายเป็นจุดพักกลางวัน เต็นท์ถูกกางขึ้น เสื่อถูกปูลงบนพื้นหญ้านุ่มๆ อาหารง่ายๆ ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่มีรสชาติอร่อยที่สุดเพราะบรรยากาศรอบตัว ทุกคนแบ่งปันอาหารกัน นั่งพูดคุย หัวเราะ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ และชื่นชมกับช่วงเวลาที่หาไม่ได้ง่ายๆ เราถ่ายภาพกันทุกมุม หยอกล้อกัน ทุ่งดอกไม้กลายเป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับความทรงจำที่เราจะเก็บติดตัวไปตลอดชีวิต
รถแวนรัสเซียคู่ใจ
ยานพาหนะของเราคือรถแวนรัสเซียที่ดูเก่าแต่บึกบึน มันผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก ครั้งนี้มันต้องผ่านบททดสอบของทุ่งหญ้ามองโกเลียให้ได้ แต่ความเป็นจริงคือ—เราขับไป ซ่อมไปตลอดทาง ยางแตก เกียร์พัง บางครั้งต้องจอดซ่อมกลางทุ่งหญ้า ฉันเห็นคนขับรถของเราถอดเครื่องยนต์ออกมากองแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่แทบทุกวัน มันทำให้ฉันอดชื่นชมไม่ได้ว่า รถรุ่นนี้อึดถึกจริงๆ
เราใช้เวลาหลายชั่วโมงบนรถแวน คุยกัน ฟังเพลง ทอดสายตามองวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนเราเป็นนักเดินทางเร่ร่อนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ผู้มาเยือน แต่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่ทอดยาวไปข้างหน้า
ทุ่งหญ้าสเตปป์แห่งมองโกเลีย
ที่นี่คือดินแดนที่ธรรมชาติและมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างเรียบง่าย ทุ่งหญ้าสีเขียวทอดตัวยาวสุดสายตา ตัดกับเกอร์สีขาวสะอาดที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆ ราวกับภาพวาดสีน้ำอันสมบูรณ์แบบ ม้า วัว และแพะเดินเล็มหญ้าอย่างสงบ ท่ามกลางขุนเขาสูงที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ
สิ่งที่การเดินทางนี้สอนฉัน
บางครั้ง ชีวิตก็เหมือนการเดินทางบนทุ่งหญ้ามองโกเลีย ไม่มีเส้นทางตายตัว ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน มีเพียงลมที่พัดพาเราไป และเราแค่ต้องเปิดใจ—แล้วสนุกไปกับมันให้เต็มที่ 💛
Western Mongolia | July 2013







Leave a Reply