“นอกจากภาพของประชาชนที่หิวโหยในดินแดนแห้งแล้ง อีกภาพหนึ่งที่ฝังแน่นในความทรงจำของฉันเกี่ยวกับเอธิโอเปีย ก็คือภาพของกษัตริย์ผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ ผู้มีดวงตาคมนิ่ง ในวังโอ่โถง”
มันเป็นภาพที่ดู ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ความโอ่อ่ากับความแร้นแค้น, อำนาจสูงสุดกับความทุกข์ของประชาชนที่ถูกหลงลืม
มันไม่ใช่แค่ภาพของเอธิโอเปียเท่านั้น แต่คล้ายเป็น บทเรียนร่วมของสังคมมนุษย์ ที่ซ้ำรอย
ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยสัมผัสความหิวโหยของผู้คน
และบางครั้ง… บั้นปลายของพวกเขาก็ไม่เคยงดงาม
แต่เดิมฉันไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับกษัตริย์องค์สุดท้ายของเอธิโอเปียมากนัก จนกระทั่งได้ฟังเรื่องราวในแง่มุมอื่นของพระองค์ มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสงสัยว่า… ตกลงแล้วชายผู้นี้คือใคร?
และทำไมเขาจึงยังเป็น “พระเจ้า” สำหรับใครบางคน และเป็น “เงา” ประวัติศาสตร์ที่ผู้คนรู้จักกันเกือบทั่วโลก?
ไกด์พาเราเดินทางไปยัง โบสถ์ทรินิตี้ ในกรุงอาดดิสอาบาบา ชี้ให้ดูสถานที่ฝังพระศพของพระองค์ ซึ่งถูกย้ายมาที่นี่ในปี 2000 หลังจากที่ศพถูกฝังไว้ใต้พื้นห้องว่างในพระราชวัง ซึ่งการเสียชีวิตของพระองค์ในปี 1975 เป็นการเสียชีวิตอย่างเงียบๆ ไม่มีพิธี และไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาล ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกว่าส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการย้ายศพนั้นได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากริต้า มาร์เลย์ ภรรยาของบ็อบ มาร์เลย์ ซึ่งมีความศรัทธาต่อกษัตริย์องค์นี้
ดูเหมือนพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีความซับซ้อน มีชีวิตอยู่บนเส้นขนานของความศรัทธาและความขัดแย้ง

ชีวประวัติย่อ: จากราส ทาฟารี สู่ราชบัลลังก์
- ชื่อเดิม: ราส ทาฟารี มาโคเนน
- ราชสมภพ: 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1892
- ขึ้นครองราชย์: ค.ศ. 1930 – 1974
- พระนามเต็ม: “Conquering Lion of Judah, Elect of God, King of Kings”
ขี้นครองราชย์ในปี 1930 ด้วยพระนาม Haile Selassie แปลว่า “ฤทธานุภาพแห่งตรีเอกภาพ” ปกครองประเทศด้วยการปฏิรูปราชสำนัก เปิดรับอิทธิพลตะวันตก แต่ยังรักษาศรัทธาแบบดั้งเดิม และพัฒนาโครงสร้างการปกครองใหม่ให้เอธิโอเปียก้าวพ้นยุคศักดินา
ต่อต้านจักรวรรดินิยมอิตาลี
- เมื่ออิตาลีรุกรานเอธิโอเปียในปี 1935 (สงครามอิตาลี–เอธิโอเปียครั้งที่ 2) พระองค์ทรงลี้ภัยไปอังกฤษและกล่าวสุนทรพจน์ต่อสันนิบาตชาติ (League of Nations) ในเจนีวา
- กลายเป็น “เสียงแห่งแอฟริกา” และเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคม
- ปกป้องประเทศจนเอธิโอเปีย เป็นประเทศเดียวในแอฟริกาที่ไม่เป็นเมืองขึ้นของชาติใด
ผู้นำด้านแอฟริกันนิยม (Pan-Africanism)
- ทรงมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง องค์การเอกภาพแอฟริกา (OAU) ในปี 1963 ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น สหภาพแอฟริกา (African Union)
- ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวแอฟริกันพลัดถิ่น (diaspora) ต่อสู้เพื่ออิสรภาพและศักดิ์ศรี
Rastafari
และในอีกแง่มุมที่ฉันเพิ่งรู้จัก พระองค์เป็น พระเจ้าในรูปลักษณ์มนุษย์ หรือ พระเมสสิยาห์ที่กลับมา ตามความเชื่อของชาวรัสตาฟารี (Rastafari)
พวกเขาเรียกพระองค์ว่า “Jah” หรือ “Jah Rastafari” และการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ในปี 1930 ตรงกับคำพยากรณ์ของ Marcus Garvey “Look to Africa for the crowning of a black king…” ซึ่งจะสืบเชื้อสายจากกษัตริย์เดวิด และครองราชย์อย่างศักดิ์สิทธิ์
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Rastafari
สัญลักษณ์แห่งศรัทธา: สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์
พระองค์ทรงอ้างสายเลือดจาก กษัตริย์โซโลมอน และ ราชินีแห่งชีบา ผ่านบุตรของทั้งสองคือ เมเนลิกที่ 1
จากนั้นราชวงศ์โซโลมอนแห่งเอธิโอเปียจึงถือกำเนิด และพระองค์ใช้สัญลักษณ์ “สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์” (Lion of Judah) เป็นตราประจำพระองค์
- สิงโต: พลัง ความยิ่งใหญ่ และสิทธิศักดิ์ในการปกครอง
- สีธงแดง–เขียว–ทอง: เชื่อมโยงกับอิสรภาพ ความศรัทธา และแอฟริก
นโยบายการปกครอง : การฟื้นฟู และการควบคุม
เฮลี เซลาสซี ทรงพยายามปฎิรูป ด้วยการส่งเสริมให้มีรัฐธรรมนูญ ส่งเสริมการศึกษา และสาธารณสุข ที่สำคัญคือการต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคมบนเวทีโลก
แต่ ปัญหาที่เป็นอุปสรรค คือ ระบบศักดินาไม่ถูกรื้อถอนอย่างจริงจัง ยังคงมีความเหลื่อมล้ำอยู่สูงมาก และการช่วยเหลือไปไม่ถึงประชาชนที่อยู่ห่างไกล การบังคับใช้ประชาธิปไตยยังคงถูกจำกัด
ความล้มเหลว และการล่มสลาย
ในช่วงต้นทศวรรษ 1970
- ประเทศเผชิญภัยแล้งรุนแรง โดยเฉพาะในเขต Wollo ทำให้ประชาชนเสียชีวิตนับแสนคนจากความอดอยาก
- รัฐบาลปกปิดข่าว แต่สื่ออย่าง BBC เปิดโปงภาพความยากจน จนสร้างความไม่พอใจไปทั่วโลก
ในที่สุด ปี 1974 พระองค์ถูกโค่นล้มโดยคณะทหาร Derg และสิ้นพระชนม์อย่างเป็นปริศนาในปี 1975

ฉันยืนฟังไกด์เล่าขณะที่ชี้ไปยังโลงศพสีดำภายในโบสถ์ Holy Trinity ประกอบกับเรื่องราวหลายเรื่องที่เราพูดถึงกษัตริย์องค์นี้ด้วยความสนใจ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรจึงสนใจมากนัก
- อาจเพราะเรื่องราวของพระองค์น่าสนใจคล้ายนิทานเก่าแก่ที่สืบทอดสายเลือดมาจากกษัตริย์เดวิด การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ การถูกล้มล้างระบบกษัตริย์ในเอธิโอเปีย คือการสิ้นสุดสายราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลกอย่างราชวงศ์โซโลมอน
- หรือเพราะภาพเด็กผิวดำ ผอมแห้ง หิวโหย จนแทบจะเสียชีวิตจากการไม่มีกิน เป็นภาพข่าวที่ทำให้ทัศนคติของโลกต่อแอฟริกาเปลี่ยนไปตลอดกาล ผู้คนให้ความสนใจ และรู้สึกว่าต้องช่วยเหลือ ความทุกข์ยากในอีกซีกโลกกลายเป็น “เรื่องของเรา” บทเพลง We are the world ถูกแต่งขึ้น มีการจัดคอนเสิร์ตเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเอธิโอเปีย
- หรือเพราะนอกจากเป็นกษัตริย์แล้ว พระองค์ยังเป็นพระเจ้าในรูปลักษณ์มนุษย์ ที่มีคนจำนวนมากให้ความศรัทธา แม้กระทั่งนักดนตรีชื่อดังที่ฝากผลงานมากมายเช่น บ็อบ มาร์เลย์ ก็ยังนับถือ
มนุษย์คนหนึ่งเกิดมา อาจมีชีวิตอยู่ได้ในหลายบทบาท ทั้งโดยชาติกำเนิดและการกระทำ Haile Selassie คือผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ แนวคิดและการตัดสินใจของพระองค์ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย ขณะเดียวกัน โลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยความเชื่อที่หลากหลาย ธรรมชาติบางครั้งก็เกื้อหนุน บางครั้งก็ทำลาย—ในห้วงเวลาที่เราต้องเผชิญทั้งสิ่งที่เลือกได้และเลือกไม่ได้
เราทำได้เพียงเลือกว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้
เราสามารถรู้จักผู้คน ผ่านภาพข่าว หนังสือ หรือการเดินทาง แต่ละช่องทางต่างเสริมกันให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น
และนั่นคือสิ่งที่ฉันพยายามทำ—เรียนรู้โลกผ่านเรื่องราวของ Haile Selassie ชายผู้เป็นกษัตริย์ เป็นพระเจ้า และเป็นภาพสะท้อนของมนุษยธรรมในหลายรูปแบบ








Leave a Reply