รถ 4WD ของพวกเราพุ่งทะยานขึ้นไปตามเส้นทางลดเลี้ยวคดเคี้ยวของขุนเขา เป้าหมายคือไปให้ทันก่อนที่ความมืดจะโรยตัวลงยังเบสแคมป์ของหิมาลัย หัวใจของทุกคนในรถเต้นแรง เราลุ้นสุดตัวว่าจะได้เห็นแสงสุดท้ายของวันก่อนที่มันจะเลือนหายไปหรือไม่
จากระยะไกล เราเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์ หรือที่ชาวทิเบตเรียกกันว่า “โชโมลังมา” (Qomolangma) ตั้งตระหง่าน ท่ามกลางท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ สำหรับนักเดินทางธรรมดาเช่นเรา โอกาสที่จะได้มายืนอยู่ตรงนี้อาจมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต ไม่มีแรงพอสำหรับการเทรคกิ้งระยะทางหลายสิบกิโลเมตรเพื่อเข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น ดังนั้น การได้มายืนในจุดที่ใกล้ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก็นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งแล้ว
เมื่อฟ้าเริ่มมืดลง แสงสุดท้ายค่อยๆ เอียงคล้อย พอรถจอดที่หน้าวัดรองบุก (Rongbuk Monastery) วัดพุทธที่อยู่สูงที่สุดในโลก ทุกคนรีบก้าวลงจากรถ ส่วนฉันเองต้องเร่งหา “มุมสงบ” อย่างรวดเร็ว เพื่อจัดการกับภารกิจส่วนตัวหลังจากที่อั้นจนท้องแข็ง เพื่อเร่งมาให้ทันแสงสุดท้าย จึงไม่สามารถจอดแวะพักเข้าห้องน้ำระหว่างทางได้เลย อากาศเบาบางทำให้ขยับตัวเร็วไม่ได้ ฉันค่อยๆ ปีนขึ้นไปยังแนวกำแพงด้านบน เดินผ่านฝูงจามรีที่นอนนิ่งอยู่หน้าสถูป ราวกับพวกมันเองก็กำลังเฝ้ารอช่วงเวลาแห่งแสงสุดท้ายเช่นกัน
วัดรองบุก ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยลามะชาวทิเบตชื่อ Ngawang Tenzin Norbu วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในพื้นที่หิมาลัยและเคยเป็นที่พำนักของพระสงฆ์และแม่ชีจำนวนมาก ก่อนจะถูกทำลายในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ วัดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นจุดหมายของนักเดินทางและนักปีนเขาที่มุ่งหน้าสู่เอเวอเรสต์ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ให้ทัศนียภาพของยอดเขาสูงที่สุดในโลกได้อย่างงดงาม
ขณะที่ฉันเดินไต่ทางชันขึ้นไป เสียงลมพัดโหมกระหน่ำ ความเหน็บหนาวเริ่มแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อย ฉันเริ่มมองไปรอบๆ อย่างเต็มตา และแล้ว ภาพเบื้องหน้าก็ทำให้ฉันต้องนิ่งงัน
แสงอาทิตย์สีทองทอดตัวลงกระทบกับยอดเขาเอเวอเรสต์ ฉากที่เห็นไม่ได้เหมือนกับภาพถ่ายที่เคยเห็นจากฝั่งเนปาล แต่กลับมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง หิมะยังคงปกคลุมยอดเขาสูงตระหง่าน และเมื่อแสงอาทิตย์กระทบเข้ากับยอดเขา ฉันพบว่า เอเวอเรสต์ไม่ใช่เพียงแค่ภูเขาสูงที่สุดในโลก แต่มันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ชาวทิเบตเคารพบูชา เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ
ความอัศจรรย์เกิดขึ้นตรงหน้าฉัน เมื่อฝูงจามรีที่นอนกลิ้งอยู่เบื้องล่างค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วหันหน้าไปยังยอดเขา ราวกับพวกมันกำลังน้อมคารวะแด่การลาจากของแสงสุดท้ายในแต่ละวัน หรือบางที พวกมันอาจแค่มานอนอาบแดด และเมื่อความหนาวเริ่มคืบคลานเข้ามา มันก็ถึงเวลาที่ต้องลุกไปหาที่หลบภัยใหม่
ฉันมองดูพวกมันพร้อมรอยยิ้มบางเบา ก่อนจะเดินกลับลงไปสมทบกับเพื่อนๆ พวกเรากระโดดขึ้นรถมุ่งหน้าสู่เบสแคมป์ ที่ซึ่งเต็นท์หนารอคอยเราพร้อมชาร้อนกรุ่น อากาศเย็นยะเยือกต่ำกว่าจุดเยือกแข็งทำให้ฉันต้องซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหลายชั้นจนแทบขยับตัวไม่ไหว แต่ภายในใจกลับอุ่นราวกับถูกโอบกอดด้วยภาพความยิ่งใหญ่ของยอดเขาเอเวอเรสต์ในยามอาทิตย์อัสดง






Leave a Reply