ก้าวแรกในอียิปต์ของเรานำพาเรามาสู่เมืองอเล็กซานเดรีย เมืองสุดท้ายแห่งอียิปต์โบราณ หนึ่งในหลายเมืองที่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่นามว่า อเล็กซานเดอร์มหาราช นำกองทัพอันเกรียงไกรเข้ายึดครอง ตั้งแต่แผ่นดินกรีกจรดฝั่งตะวันออกของประเทศอินเดีย เมืองประมงเล็ก ๆ ที่เคยมีชื่อว่า ราโคติช (Rhakotis) ได้รับเกียรติให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อเล็กซานเดรีย” ตามพระนามของพระองค์
อเล็กซานเดอร์มหาราชทรงขึ้นเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์ในปี 332 ปีก่อนคริสตกาล (BC) ภายใต้ราชวงศ์อาร์กีด (Argead Dynasty) แม้พระองค์จะพำนักที่นี่เพียงไม่นานก่อนจะเดินทัพขยายอาณาจักรต่อไป แต่เมืองนี้ยังคงเจริญรุ่งเรืองภายใต้รากฐานที่พระองค์วางไว้ จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ที่เมืองบาบิโลนในปี 323 BC
หลังการสิ้นพระชนม์ของอเล็กซานเดอร์ ดินแดนอียิปต์ตกเป็นของปโตเลมี โซเตอร์ (Ptolemy Soter) หนึ่งในแม่ทัพคนสนิท ซึ่งได้ก่อตั้งราชวงศ์ปโตเลมาอิค (Ptolemaic Dynasty) ขึ้นในปี 305 BC และปกครองอียิปต์ยาวนานจนถึงปี 30 BC นับเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์โบราณ ก่อนที่ดินแดนแห่งนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน
หอสมุดอเล็กซานเดรียที่เราได้เยือนในครั้งนี้ เป็นหอสมุดที่สร้างขึ้นใหม่บนพื้นที่ใกล้เคียงกับหอสมุดดั้งเดิมที่สร้างขึ้นในสมัยปโตเลมีที่ 1 และ 2 กว่า 2,000 ปีก่อน หอสมุดแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางแห่งวิทยาการ ศิลปะ และการศึกษาที่สำคัญที่สุดในโลกยุคโบราณ เมืองอเล็กซานเดรียในขณะนั้นเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เป็นศูนย์กลางการค้า การเดินทาง และแหล่งรวมของนักปราชญ์จากทั่วทุกมุมโลก
หอสมุดเดิมต้องพบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี 48 BC ขณะนายพลจูเลียส ซีซาร์แห่งโรมันทำสงคราม ทำให้คัมภีร์และเอกสารล้ำค่าถูกทำลายไปจำนวนมาก พระนางคลีโอพัตราได้พยายามฟื้นฟูหอสมุดขึ้นใหม่ภายในวิหารเซอราเปียม (Serapeum) โดยได้รับการสนับสนุนจากนายพลมาร์ค แอนโธนี่ ที่มอบคัมภีร์กว่า 200,000 ม้วนที่ปล้นมาจากหอสมุดเพอร์กามอน (Pergamon) ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม หอสมุดแห่งนี้ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้ายอีกครั้งในปี 391 เมื่อจักรพรรดิธีโอโดเชียสแห่งโรมันสั่งทำลายวัดวาอารามและเอกสารใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ ทำให้หอสมุดถูกทำลายย่อยยับและหายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์
หอสมุดแห่งอเล็กซานเดรียที่เราเห็นในปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูและเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2002 หอสมุดใหม่แห่งนี้สร้างขึ้นใกล้กับพื้นที่เดิม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและล้ำสมัย กำแพงภายนอกสร้างจากหินแกรนิตที่นำมาจากเมืองอัสวาน สลักด้วยตัวอักษรจากกว่า 120 ภาษา รวมถึงอักษรไทยอีกด้วย
ภายในหอสมุดมีความกว้างใหญ่ ทันสมัย และรวบรวมหนังสือจำนวนมาก เป็นศูนย์กลางแห่งความรู้ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของหอสมุดดั้งเดิม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ให้กับคนรุ่นหลัง สมกับที่อเล็กซานเดรียเคยเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งวิทยาการในอดีต






Leave a Reply