Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in , ,

เวนิซเป็นเมืองแรกของทริปอิตาลีที่ฉันวางแผนมาเยือน เมื่อลงเครื่องที่มิลาน ฉันเลือกเดินทางต่อด้วย Shuttle Bus ไปยังสถานีรถไฟเพื่อมุ่งหน้าสู่เวนิซ เมืองที่งดงามดุจดั่งฝัน

ทันทีที่ก้าวลงจากสถานีรถไฟ ภาพแรกที่เห็นคือคลอง Grand Canal ลำคลองสายหลักของเมือง เวนิซเปล่งประกายภายใต้ท้องฟ้าสดใส นักท่องเที่ยวจำนวนมากดูเหมือนจะเป็นประชากรหลักของที่นี่ ทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยผู้คนลากกระเป๋าเดินทาง บรรยากาศคึกคักแต่ก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก

ทิวทัศน์ของเรือกอนโดลาแล่นไปมาบนลำคลอง อาคารที่เรียงรายขนาบน้ำด้วยสีสันสวยงาม ประหนึ่งหลุดออกมาจากภาพวาด ในวันฟ้าเปิดเช่นนี้ เวนิซดูหรูหราเกินกว่าที่ฉันเคยจินตนาการไว้ เมืองแห่งนี้แตกต่างจากทุกที่ที่ฉันเคยไป และครั้งนี้ฉันได้มาสัมผัสจริงๆ

บนเกาะขนาดกะทัดรัดแห่งนี้ การเดินเท้าทำให้ได้ซึมซับมนต์เสน่ห์ของเวนิซอย่างแท้จริง แม้ตรอกซอกซอยจะซับซ้อนจนทำให้หลงทางบ้าง แต่ทุกมุมก็มีความงามในตัวเองที่ทำให้ทุกก้าวเดินเป็นความเพลิดเพลิน

ฉันเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟเพื่อความสะดวก แต่ก็ยังต้องลากกระเป๋าข้ามสะพานหน้าโรงแรม เนื่องจากถูกเปลี่ยนที่พักไปอีกฝั่งหนึ่ง เรื่องนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของนักเดินทาง อย่างไรก็ตาม โรงแรมใหม่ก็สะดวกและน่าพักไม่แพ้กัน

มีเวลาเพียงสองวันหนึ่งคืน ฉันไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเยี่ยมชมภายในโบสถ์หรือพระราชวัง แต่เลือกที่จะเดินเล่นให้มากที่สุดเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ เมืองนี้ไม่มีถนน ไม่มีรถยนต์ มีเพียงเรือและเส้นทางเดินเท้า ฉันใช้บัตรโดยสารเรือแบบ 24 ชั่วโมง ราคา 18 ยูโร เดินทางด้วยเรือโดยสารประจำทางสาย 1 ที่จอดทุกสถานี ทำให้สามารถชมวิวไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ

ฉันและอนงค์เลือกเดินเลียบคลอง Grand Canal ผ่านโบสถ์และสะพานที่มีชื่อเสียง เช่น สะพานริอัลโต้ โบสถ์ Santa Maria dei Miracoli และสะพาน Accademia ก่อนจะไปสิ้นสุดวันที่จัตุรัสซานมาร์โค ที่ประกอบไปด้วยมหาวิหารซานมาร์โค พระราชวังดอจ และสะพานถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม ความงามของที่นี่ถูกบดบังเล็กน้อยด้วยป้ายโฆษณาสีฟ้าของแบรนด์เนมหรู

เช้าวันถัดมา ฉันเลือกเดินทางออกจากเกาะหลักเพื่อไปเยือนเกาะมูราโน ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานเป่าแก้ว ระหว่างทางอากาศยังคงสดใส ทำให้ได้เห็นเรือใบ เรือยอร์ช และเรือกอนโดลาลอยลำอยู่กลางทะเลเอเดรียติก บรรยากาศเหล่านี้สร้างความรู้สึกผ่อนคลายและมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง

ไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่เกิดจากลากูนเล็กๆ จะเติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตึกอาคารริมฝั่งที่มีท่าเทียบเรือส่วนตัวบ่งบอกถึงความมั่งคั่งของเจ้าของ ในขณะที่คลองเล็กๆ ลึกเข้าไปในเมืองกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบเวนิซอันเป็นเอกลักษณ์

ฉันมีเวลาอีกไม่นานในเมืองนี้ เพราะการเดินทางยังคงดำเนินต่อไปเพื่อทำความรู้จักกับอิตาลีให้มากขึ้น ทว่าวันนี้ เวนิซได้ฝากความประทับใจไว้ในใจฉัน เมืองนี้ช่างงดงามราวกับความฝัน จนทำให้ฉันคิดว่า บางทีเวนิซควรเป็นจุดหมายสุดท้ายของทริป เพราะคงไม่มีเมืองใดสวยงามเทียบเท่าได้อีกแล้ว

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.