Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in , ,

การเดินทางของเราดำเนินต่อไปจากเมืองเฟซ สู่เมืองที่ชื่อเสียงโด่งดังไปไกลกว่าชื่อประเทศของตัวเองเสียอีก—คาซาบลังกา (Casablanca)

การเดินทางด้วยรถไฟจากเฟซมายังคาซาบลังกาเป็นไปอย่างสะดวกสบาย เราเลือกนั่งชั้นหนึ่งเพื่อสัมผัสความผ่อนคลายต่างจากขามา ใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วโมงกว่า ผ่านทิวทัศน์ท้องทุ่งกว้างใหญ่ของโมร็อกโก พร้อมกับเพลิดเพลินกับขนมปังและกาแฟมื้อเช้าบนรถไฟ นี่เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้น่าจดจำ

สู่คาซาบลังกา

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟในคาซาบลังกา เราลองเข้าไปเช็คอินที่โรงแรม Ibis ซึ่งตั้งอยู่ข้างสถานี แต่ห้องพักเต็มอีกตามคาด เราจึงต้องพึ่งแท็กซี่ให้พาไปหาโรงแรมใกล้ Hassan II Mosque ลุงแท็กซี่พาเรามาส่งที่ โรงแรมคาซาบลังกา—ชื่อเดียวกับเมือง พอถึงโรงแรมก็ชี้มือบอกทางไปมัสยิด ก่อนจะพาเราไปเช็คอิน และจากนั้นก็หายจ้อยไป คาดว่าน่าจะรับค่าคอมมิชชั่นเสร็จเรียบร้อย

Hassan II Mosque: มนต์เสน่ห์แห่งศรัทธาริมทะเล

จากโรงแรม เรามุ่งหน้าไปยัง Hassan II Mosque ตามทางที่ลุงชี้บอกไว้ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าไกลเหลือเกิน เมื่อถามทางกับชาวเมืองกลับพบว่าคนที่นี่ออกเสียงว่า ฮัสซัน มอสกิ แทนที่จะเป็น ฮัสซัน มอสก์ โชคดีที่มีคุณน้าใจดีเข้ามาช่วยบอกเส้นทาง และไม่เพียงเท่านั้น เธอยังอาสาเดินนำเราไปส่งจนแทบจะถึงที่ เป็นอีกครั้งที่เราได้สัมผัสถึงน้ำใจของชาวโมร็อกโก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพโดยไม่หวังผลตอบแทน

เมื่อมาถึงมัสยิด ภาพตรงหน้าทำให้เราต้องหยุดยืนชื่นชม—มินาเร็ตสูงเสียดฟ้า 650 ฟุต ตั้งตระหง่านริมทะเล อาคารสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัดกับน้ำทะเลสีคราม ประดับประดาด้วยลวดลายอันประณีต นี่คือสถานที่พักผ่อนของชาวเมือง บ้างมานั่งเล่น บ้างตกปลา บ้างจับกลุ่มพูดคุย ทั้งเพื่อนฝูง คนรัก และครอบครัว บรรยากาศผ่อนคลายทำให้เราหลงใหลที่นี่จนแทบไม่อยากจากไป

กลับโรงแรมที่ไร้ชื่อในแผนที่

หลังจากเดินเล่นพักผ่อนกันจนเต็มอิ่ม คราวนี้ถึงเวลากลับโรงแรม แต่พวกเราดัน ลืมเอานามบัตรโรงแรมไป แถมเส้นทางกลับก็จำไม่ได้ เพราะตอนเดินมาคุณน้าพาเดินเร็วเสียจนเรามัวแต่กังวลเรื่องหลงทาง สุดท้ายจึงต้องพึ่งแท็กซี่ แต่เมื่อบอกชื่อโรงแรมกลับได้รับเพียงใบหน้าฉงน เราจึงต้องเปิดรูปโรงแรมให้ดู โชคดีที่มีโรงแรมชื่อนี้อยู่จริง และแท็กซี่ก็พาเรากลับถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย

ลาจากโมร็อกโก… พร้อมบทเรียนจากการตกเครื่องบิน

เช้าวันถัดมา ขณะที่กำลังรอเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน เราได้พบกับคุณลุงใจดีชาวอิตาลี ที่เสนอให้เรานั่งรถไปสนามบินด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าการต่อรถไฟหลายต่อ เราจึงตอบตกลงทันที มารู้ทีหลังว่าคนขับรถเรียกค่ารถเพิ่มจากคุณลุงเมื่อเห็นเรามาด้วย แต่คุณลุงก็ไม่เรียกร้องส่วนต่างจากเรา เราจึงตอบแทนด้วยการเลี้ยงกาแฟเป็นน้ำใจ

เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาแบบไม่ให้พลาดเที่ยวบินอีกแล้ว หลังจากเคยพลาดมาแล้วหนึ่งครั้งและต้องเลื่อนแผนเดินทางถึงสองวัน ครั้งนี้เราจึงรอบคอบมากขึ้น เพราะถ้าพลาดอีกครั้ง เราจะต้องติดอยู่ที่โมร็อกโกไปอีกสิบกว่าวัน!

การเดินทางกลับบ้านช่างยาวนาน จากคาซาบลังกาไปโดฮา ต้องรอเปลี่ยนเครื่องกว่า 10 ชั่วโมง นั่ง ๆ นอน ๆ พลิกไปพลิกมาในสนามบิน เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารดังไม่หยุด ห้องพักสำหรับผู้โดยสารเต็มเกือบตลอดเวลา กว่าจะได้นอนยืดตัวสบาย ๆ ตอนเกือบตีห้า แต่ก็ไม่กล้าหลับสนิทเพราะกลัวตกเครื่องอีกครั้ง

บทสรุปของโมร็อกโก

แม้การเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้เป็นการเปิดโลกใหม่แบบครั้งแรกที่ได้ออกเดินทาง แต่มันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หลากหลาย โมร็อกโกไม่ได้เป็นแค่เมืองสวย ๆ แต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ—ทะเลทรายที่โรแมนติก เมืองเก่าที่มีเสน่ห์ ผู้คนที่มีทั้งด้านดีและด้านที่ต้องระวัง ประสบการณ์หลงทาง ประสบการณ์ตกเครื่องบิน ทุกอย่างผสมปนเปกันไปอย่างมีชีวิตชีวา

สุดท้าย แม้จะต้องเขกกะโหลกตัวเองที่ทำพลาดหลายอย่าง แต่ก็ยังคงสนุกกับการเดินทางอยู่เสมอ และที่สำคัญ… มันทำให้เราพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้!

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.