Temple of Artemis: เสน่ห์แห่งสิ่งมหัศจรรย์โบราณ
ระหว่างเดินทางไปเมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus) ฉันและเพื่อน ๆ แวะชม Temple of Artemis หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ แม้ในปัจจุบันจะเหลือเพียงเสาต้นเดียวตั้งตระหง่าน พร้อมรังนกขนาดใหญ่บนยอดเสา แต่ก็ยังให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต ฉันอดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบเสานี้ พลางจินตนาการว่าอาจเป็นเสาเดียวกับที่บุคคลสำคัญอย่างอเล็กซานเดอร์มหาราชเคยสัมผัสมาก่อน!
ตำนานและความรุ่งเรืองของวิหารอาร์ทิมิส
Temple of Artemis ถูกสร้างขึ้นราว 400-800 ปีก่อนคริสตกาล อุทิศให้แก่เทพีอาร์ทิมิส (Artemis) หรือไดอานา (Diana) แห่งเอเฟซุส ซึ่งแตกต่างจากอาร์ทิมิสของกรีกที่เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ โดยอาร์ทิมิสแห่งเอเฟซุสเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีลักษณะโดดเด่นคือนมหลายเต้า (ซึ่งนักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าอาจเป็นพวงไข่ของวัวแทน) สื่อถึงความมั่งคั่งและการให้กำเนิดชีวิต
ตัววิหารมีขนาดใหญ่ถึง 115 x 55 เมตร ใหญ่กว่าวิหารพาร์เธนอนแห่งเอเธนส์ถึงสามเท่า! ประกอบด้วยเสาแบบไอโอนิกสูง 18 เมตร จำนวน 127 ต้น หลังคาขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มความอลังการ จนกลายเป็นหนึ่งในศาสนสถานสำคัญที่สุดแห่งโลกโบราณ
การถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่แล้วในปี 356 ก่อนคริสตกาล Herostratus ชายหนุ่มชาวเอเฟซุส จุดไฟเผาวิหารเพื่อให้ชื่อของเขาเป็นที่จารึกในประวัติศาสตร์ ชาวเมืองโกรธแค้นอย่างมากจนมีคำสั่งห้ามเอ่ยนามของเขาอีก แต่ในที่สุดเขาก็สมใจเพราะชื่อของเขายังคงถูกกล่าวถึงจนถึงทุกวันนี้! วิหารถูกสร้างใหม่ในเวลาต่อมา แต่ในปี 262 ก็ถูกทำลายอีกครั้งโดยชนเผ่าโกธ (Goths) และต่อมาเมื่อศาสนาคริสต์เข้ามาแทนที่ ศาสนสถานแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างไปจนถึงยุคกลาง บางส่วนของซากปรักหักพังถูกนำไปสร้างมหาวิหาร อายาโซเฟีย (Hagia Sophia) ในอิสตันบูล ปัจจุบันเศษซากและประติมากรรมบางส่วนยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ที่ British Museum ในลอนดอน

Ephesus: เมืองโบราณแห่งความรุ่งเรือง
จาก Temple of Artemis เรามุ่งหน้าสู่ เมืองโบราณเอเฟซุส ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมของโลกยุคโบราณ มีประชากรมากถึง 250,000 คน ในช่วงรุ่งเรือง ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน
การเดินทางเข้าสู่เมือง
เราเริ่มต้นที่ ประตูทางทิศใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะสามารถเดินผ่านจุดสำคัญต่าง ๆ ได้ครบถ้วน และไปออกทางทิศเหนือซึ่งมีรถโดยสารกลับไปยังเมือง Selcuk ได้สะดวก แนะนำให้ซื้อแผนที่หรือเช่า audio guide เพื่อเข้าใจประวัติศาสตร์ของแต่ละจุดอย่างลึกซึ้งขึ้น
สำรวจซากอารยธรรมอันวิจิตร
- Odeon – โรงละครขนาดเล็กที่ใช้แสดงดนตรีและประชุมสภา
- Temple of Hadrian – วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อถวายจักรพรรดิฮาเดรียน มีลวดลายแกะสลักงดงาม
- Nike Relief – รูปสลักเทพีไนกี้ที่อาจถูกมองข้ามได้ง่าย หากไม่มีไกด์นำทาง!
- Public Latrine – ส้วมสาธารณะของชาวโรมันที่มีการออกแบบให้สามารถนั่งสนทนาไปพร้อมกันได้
และที่สุดของความยิ่งใหญ่ก็คือ ห้องสมุดเซลซุส (Library of Celsus) !
มหาวิหารแห่งปัญญา: ห้องสมุดเซลซุส
เดินไปจนถึงจุดหมายที่ฉันรอคอย ฉันเริ่มมองเห็นส่วนต่าง ๆ ของห้องสมุดค่อย ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างทางเดิน เสาโรมันแบบคอรินเธียนสูงตระหง่าน รูปปั้นเทพีแห่งปัญญาสี่องค์ที่ประดับอยู่หน้าทางเข้า แสดงถึง ปัญญา (Sophia) , ความรู้ (Episteme) , ความเข้าใจ (Ennoia) , และคุณธรรม (Arete) ทุกองค์เคยเป็นสัญลักษณ์ของการแสวงหาความรู้ในยุคโบราณ
ห้องสมุดแห่งนี้เคยเก็บ หนังสือกว่า 12,000 เล่ม และถือเป็นห้องสมุดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน รองจากห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย สิ่งก่อสร้างนี้ยังมีโครงสร้างแบบพิเศษที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้ม้วนกระดาษเสียหาย
ฉันใช้เวลานั่งชมความงามของที่นี่ ปล่อยให้สายตาสัมผัสทุกลวดลาย และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแห่งอดีต การได้มาเยือนสถานที่จริง ย่อมให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเห็นผ่านหน้าจอ
ค่ำคืนที่ Kusadasi: เมืองชายทะเลท่ามกลางสายฝน
หลังจากใช้เวลาทั้งวันในเมืองเอเฟซุส ฉันและเพื่อน ๆ ตัดสินใจไปต่อที่ Kusadasi เมืองชายทะเลที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย แต่โชคร้ายที่ท้องฟ้าครึ้มฝน แถมเรายังหลงป้ายรถเมล์กันอีก! ความตั้งใจจะไปหาทานอาหารทะเลสด ๆ เลยต้องถูกพับไป แต่กลับได้สัมผัสเมืองในมุมใหม่ เดินผ่านตรอกซอกซอย พบเจอชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นั่น ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านทำผม และบรรยากาศในคืนฝนพรำเป็นสิ่งที่ฉันจะจดจำไปอีกนาน
บทสรุป: ความสุขของการเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้สอนฉันว่า ไม่มีอะไรเทียบเท่ากับการได้สัมผัสสถานที่จริง แม้จะอ่านข้อมูลจากหนังสือหรือดูภาพจากอินเทอร์เน็ตมากแค่ไหน แต่การได้มายืนอยู่ตรงนี้ ได้สัมผัสพื้นดินเดียวกับคนในอดีต มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย และนี่คือเหตุผลที่ฉันรักการเดินทาง เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวและความตื่นเต้นที่ไม่อาจคาดเดาได้ ✨






Leave a Reply