Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in , ,

หากพูดถึงเมืองโบราณในตุรกี หลายคนอาจนึกถึง Ephesus เมืองโบราณชื่อดังที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่สำหรับฉัน Afrodisias กลับมีเสน่ห์ที่ตราตรึงใจมากกว่า ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ ธรรมชาติที่สวยงาม และความรุ่งเรืองทางศิลปะที่ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน

ความเป็นมาของ Afrodisias

Afrodisias ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ใกล้กับเมือง Denizli เป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ยุคแรกของเมืองเริ่มต้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล เมืองนี้เป็นศูนย์กลางสำคัญของศาสนาและศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเทพี Aphrodite เทพีแห่งความรักและความงามของกรีก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองนี้เอง

ในยุคโรมัน (ศตวรรษที่ 1-3) Afrodisias เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของ Caria โดยจักรวรรดิโรมัน เมืองนี้โดดเด่นในด้านศิลปะการแกะสลักหินอ่อน เนื่องจากอยู่ใกล้กับแหล่งเหมืองหินอ่อนชั้นเยี่ยม ศิลปินของ Afrodisias มีชื่อเสียงไปไกลถึงโรมและดินแดนอื่น ๆ ในยุโรป ปัจจุบันยังมีการค้นพบประติมากรรมจากที่นี่ในประเทศต่าง ๆ เช่น โปรตุเกสและอิตาลี

การล่มสลายของเมือง

ในยุคไบแซนไทน์ (ประมาณศตวรรษที่ 4 เป็นต้นไป) Afrodisias ถูกดัดแปลงให้เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ บางส่วนของเมืองถูกทำลายและปรับใช้สร้างโบสถ์และกำแพงป้องกัน แต่หลังจากศตวรรษที่ 7 เมืองเริ่มเสื่อมถอยลงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของอำนาจการปกครอง จนในที่สุดถูกทิ้งร้างและกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง ก่อนจะถูกค้นพบใหม่ในศตวรรษที่ 20 โดยนักโบราณคดีชาวตุรกี ศาสตราจารย์ Kenan Erim ผู้ทำการขุดค้นตั้งแต่ปี 1961-1990 และอุทิศชีวิตให้กับเมืองแห่งนี้ กระทั่งเขาได้รับเกียรติให้ฝังร่างไว้ใกล้ประตูทางเข้าเมือง

การเดินทางสู่ Afrodisias

พวกเราเดินทางจาก Denizli ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถราวสองชั่วโมงผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นเขา แม้ว่าจะต้องอดทนกับกลิ่นแก๊สจากรถคันสีแดงเพลิงที่เรานั่งไป แต่ทันทีที่มาถึง ความเหนื่อยล้าก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น เราเริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารที่ร้านหน้าทางเข้า แม้ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น แต่ร้านอาหารขนาดใหญ่ที่สะอาดสะอ้านก็ทำให้รู้สึกได้ถึงมาตรฐานของที่นี่

สำรวจเมืองโบราณ Afrodisias

หลังจากมื้ออาหาร เรารีบเข้าสู่เขตเมืองโบราณเพื่อชื่นชมโบราณสถานที่ยังคงงดงามเหนือกาลเวลา ทางเดินเข้าสู่เมืองถูกขนาบด้วยต้นสนสีขาวร่มรื่น และเมื่อเดินลึกเข้าไป เราก็ได้พบกับ Tetrapylon หรือซุ้มประตูโบราณอันวิจิตรที่เคยเป็นทางเข้าสู่ Temple of Aphrodite ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางสำคัญของศาสนาในภูมิภาคนี้

การเดินชมรอบเมืองทำให้เราสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต เสาโครินเธียนที่ยังคงตั้งตระหง่านให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันงดงาม โรงอาบน้ำ Hadrianic Bath และ Odeon หรือโรงละครขนาดเล็ก ต่างสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่รุ่งเรืองของชาวเมืองเมื่อหลายพันปีก่อน คำถามที่เกิดขึ้นในใจคือ “พวกเขาสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไรในยุคที่ไม่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่?”

พิพิธภัณฑ์ Afrodisias

ก่อนออกจากเมือง เรารีบเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยประติมากรรมที่ยังคงความงดงาม บางชิ้นได้รับอิทธิพลจากเทพนิยายกรีก ขณะที่บางชิ้นเป็นรูปสลักของเทพี Aphrodite และบุคคลสำคัญในยุคนั้น ฉันถ่ายภาพมาเป็นที่ระลึกหลายภาพ แต่เมื่อกลับมาดู ฉันกลับพบว่าฉันลืมถ่ายภาพประติมากรรมของเทพี Aphrodite เสียอย่างนั้น! นั่นทำให้ฉันอยากกลับไปที่นี่อีกครั้ง และหวังว่าวันนั้นท้องฟ้าจะยังคงสดใสเหมือนวันนี้

แม้เวลาของเราที่นี่จะสั้น แต่ Afrodisias ทิ้งความประทับใจไว้ในใจของฉันอย่างมาก ความเงียบสงบของเมืองโบราณ ท้องฟ้าที่สดใส และซากปรักหักพังที่เล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนสำหรับผู้ที่รักประวัติศาสตร์และศิลปะโบราณ

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.