จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
หลังจากผ่านอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่ปัญหาการปิดสนามบินจนต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางหลายครั้ง กว่าจะได้ออกเดินทางจริง ๆ ก็เป็นวันที่ 1 ธันวาคม เวลา 19.00 น. สนามบินที่ใช้กลับเป็นอู่ตะเภาแทนสุวรรณภูมิ ฉันไปถึงสนามบินตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อรอเช็คอิน ซึ่งต้องกรอกข้อมูลด้วยลายมือ ไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เลย แม้แต่การชั่งน้ำหนักกระเป๋ายังใช้เครื่องชั่งน้ำหนักตัวแทน!
การเดินทางครั้งนี้ฉันใช้บริการสายการบิน Singapore Airlines ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ ก่อนเดินทางต่อไปยังอิสตันบูล ระหว่างทางแวะพักเครื่องที่ดูไบ 1 ชั่วโมง ก่อนมาถึงสนามบิน Atatürk (อะตาตุ๊ก) ในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 2 ธันวาคม จากนั้นต้องต่อเครื่องภายในประเทศไปยังเมือง Nevşehir ประตูสู่ Cappadocia ดินแดนมหัศจรรย์ที่ฉันตั้งตารอคอย
สัมผัสแรกแห่ง Cappadocia
Cappadocia เป็นหนึ่งในมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญของตุรกี ชื่อของมันหมายถึง “ดินแดนแห่งม้าพันธุ์ดี” เพราะอดีตเคยเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงม้าที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศ และโดดเด่นด้วยภูมิประเทศที่แปลกตา เต็มไปด้วยหินรูปทรงกรวย ปิรามิด และแท่งหินสูงต่ำที่กระจายอยู่ทั่วหุบเขา บางแห่งมีลักษณะคล้ายหมวกหรือเห็ด ซึ่งเรียกว่า “ปล่องนางฟ้า” (Fairy Chimneys) สีสันของภูเขาเหล่านี้มีตั้งแต่แดง ชมพู ฟ้าอ่อน ไปจนถึงเขียวจาง ๆ ทำให้ทิวทัศน์ดูสวยงามราวกับภาพวาด
ปรากฏการณ์ธรรมชาติเหล่านี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ Erciyes เมื่อหลายล้านปีก่อน เถ้าถ่านที่เย็นตัวลงกลายเป็นชั้นหินปูนเนื้ออ่อนที่ถูกกัดเซาะโดยลม ฝน และหิมะ จนกลายเป็นรูปร่างแปลกตา ส่วนยอดของแท่งหินที่แข็งกว่าเป็นตัวช่วยปกป้องหินที่อ่อนด้านล่าง ทำให้เกิดโครงสร้างที่น่าทึ่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Cappadocia
เข้าพักที่ Anatolia Cave Pension
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน Nevşehir ฉันพบกับ Echo พนักงานของ Anatolia Cave Pension ที่มารอรับพร้อมป้ายชื่อหรา เดินทางต่ออีกเกือบ 1 ชั่วโมงเพื่อเข้าสู่เมือง Göreme ระหว่างทาง Echo แวะให้พวกเราถ่ายรูปที่ White Valley และ Love Valley ซึ่งมีภูมิประเทศที่คล้ายกันจนฉันเองยังแยกไม่ออกว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ คงมีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจแต่ฉันไม่ได้ถามต่อ
ที่พักของฉันเป็นห้องพักแบบถ้ำที่เจาะเข้าไปในเนื้อหิน ได้อารมณ์ของ Cappadocia อย่างแท้จริง อากาศหนาวจัดในเดือนธันวาคม แต่โชคดีที่มีเครื่องทำความร้อนให้ใช้งาน น้ำอุ่นแรงสะใจ ทำให้การพักผ่อนสะดวกสบายมาก ข้อเสียอย่างเดียวคือพื้นที่ส่วนกลางมีกลิ่นบุหรี่ค่อนข้างแรง แต่โดยรวมแล้วเป็นที่พักที่อบอุ่นและสะดวกสบาย
โบสถ์ถ้ำและเมืองใต้ดิน: มรดกทางประวัติศาสตร์แห่ง Cappadocia
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Cappadocia น่าสนใจคือการเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในอดีต ภายในหุบเขามีการขุดถ้ำเพื่อใช้เป็นโบสถ์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 2-11 มีการตกแต่งภายในอย่างวิจิตรบรรจง ทั้งโดม เสาหิน และภาพวาดปูนเปียก (fresco) ที่ยังคงสีสันสดใส แม้เวลาจะผ่านมากว่าพันปี ฉันไม่พลาดที่จะแวะชม Dark Church ใน Göreme Open-Air Museum ซึ่งต้องเสียค่าเข้าเพิ่มเติม โบสถ์แห่งนี้มีแสงส่องเข้าน้อย ทำให้ภาพวาดภายในยังคงความสมบูรณ์ให้เราได้ชมถึงศิลปะและความเชื่อในอดีต
นอกจากโบสถ์ถ้ำแล้ว Cappadocia ยังมีเมืองใต้ดินกว่า 20 แห่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่หลบภัยจากศัตรู Derinkuyu เป็นหนึ่งในเมืองใต้ดินที่ลึกที่สุด มีทั้งหมด 8 ชั้น และสามารถรองรับผู้คนได้นับพัน พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินได้นานถึง 6 เดือนโดยไม่ต้องออกมา แต่ละชั้นมีห้องพัก ห้องครัว โบสถ์ และระบบระบายอากาศที่ซับซ้อน พวกเขายังออกแบบทางเข้าที่สามารถปิดกั้นศัตรูได้โดยใช้ก้อนหินขนาดใหญ่เลื่อนปิดทางเข้า
Trekking สัมผัสธรรมชาติที่ Ihlara Valley
หลังจากสำรวจเมืองใต้ดิน ฉันและเพื่อน ๆ ไปเดินเทรคสั้น ๆ ที่ Ihlara Valley ซึ่งเป็นหุบเขาที่มีลำธารใสแจ๋วไหลผ่าน ตลอดเส้นทางเดิน 3 กม. เราได้เห็นป่าสนสองข้างทางและโบสถ์ถ้ำที่ถูกขุดเข้าไปในหน้าผาหิน บรรยากาศราวกับดินแดนในเทพนิยาย อากาศสดชื่นมาก เหมาะกับการเดินเล่นชมวิว
ปิดท้ายการเดินทางที่ Red and Rose Valley
วันสุดท้ายของ Cappadocia ฉันเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน Göreme และไปไกลจนถึง Red and Rose Valley ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ยามเย็นที่สวยงาม วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย ร้านอาหารในแถบนั้นปิดหมด แต่ฉันได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ขับรถเล่น พาม้าออกมาทำไร่ ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต การเดินไกลกว่า 3 กม. ทำให้ฉันเกือบหมดแรง โชคดีที่ Echo ขับรถผ่านมาพอดี เลยขออาศัยไปส่งในตัวเมือง
อำลา Cappadocia สู่ Pamukkale
หลังจากเดินเล่นช่วงบ่าย เราก็เตรียมตัวขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป: Pamukkale ฉันเลือกนั่งรถทัวร์ระหว่างเมืองเพราะช่วยประหยัดค่าที่พักไปหนึ่งคืน แม้ว่าจะต้องแลกกับความเมื่อยล้าบนรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง รถออกจาก Göreme ตอน 19.00 น. และมาถึง Denizli ตอน 06.00 น. จากนั้นมีรถมินิบัสรับส่งไปยัง Pamukkale อีกประมาณ 15 กม.
การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับความทรงจำจาก Cappadocia ที่จะอยู่ในใจฉันตลอดไป
Nim Journey 
Leave a Reply