ลาดักค์…ดินแดนอันห่างไกลในเทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของนักเดินทางผู้แสวงหาภูมิทัศน์อันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่หลอมรวมพุทธศาสนาแบบทิเบตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง วิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวลาดักค์สะท้อนให้เห็นถึงศรัทธาที่มีต่อศาสนา พวกเขาดำรงชีพด้วยความสงบ อาศัยอยู่ท่ามกลางวัดวาอารามที่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวัดเฮมิส (Hemis Monastery)
ในบรรดาวัดทั้งหมด วัดเฮมิสถือเป็นวัดที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในลาดักค์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานเทศกาลระบำหน้ากาก (Hemis Festival) ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เพราะเทศกาลใหญ่ของวัดอื่นมักจะจัดในช่วงฤดูหนาวซึ่งการเดินทางเป็นไปได้ยาก
บรรยากาศของเทศกาล: ศรัทธาท่ามกลางความวุ่นวาย
ปีนี้ เทศกาลระบำหน้ากากจัดขึ้นในวันที่ 2-3 กรกฎาคม โดยปกติแล้วพิธีจะเริ่มราว 9.30 น. แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ การจัดการ หรือจำนวนผู้เข้าร่วมมหาศาล ทำให้การแสดงล่าช้าออกไปจนถึงราว 10 โมงเช้า
ฉันมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ เวลาประมาณ 8 โมงกว่าๆ ในขณะที่ยังมีคนไม่มากนัก ท้องฟ้าวันนี้ครึ้มไปด้วยเมฆดำ ไม่นานฝนก็โปรยปรายลงมา ตามด้วยลูกเห็บก้อนเล็กๆ และหิมะบางเบาที่ละลายหายไปกับอากาศ ฉันกับเพื่อนแยกกันหา “จุดที่ดีที่สุด” เพื่อชมงาน แต่ดูเหมือนว่าการหาที่ดีๆ ท่ามกลางฝูงชนจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ที่นี่ ฉันได้เห็นภาพอันแตกต่างระหว่าง “นักท่องเที่ยว” และ “ชาวลาดักค์” อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวบางคนแสดงความเร่งรีบและฉุนเฉียวเพื่อให้ได้มุมถ่ายภาพที่ดีที่สุด พวกเขาไม่ลังเลที่จะเบียดเสียดหรือแม้แต่ยืนขวางหน้าคนอื่น ในขณะที่ชาวลาดักค์กลับมีความอดทนอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขาค่อยๆ ทยอยเข้ามา นั่งลงเงียบๆ พนมมือ สวดมนต์ และหมุนลูกประคำตามวิถีแห่งศรัทธา
ฉันพยายามชะเง้อดูพิธีการ แต่แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากฝูงชนที่เบียดเสียด ฉันตัดสินใจเดินออกมา เพราะคิดว่าพื้นที่นี้ควรเป็นของชาวบ้านผู้มากราบไหว้มากกว่าของฉันเสียอีก
มุมที่ดีที่สุด…อยู่ตรงไหน?
บางคนปีนขึ้นไปบนหลังคา บางคนแทรกตัวเข้าไปใกล้พิธีมากที่สุด ฉันเลือกเดินไปเรื่อยๆ สำรวจบรรยากาศรอบตัว จนได้เห็นเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันฉงน – นักท่องเที่ยวบางคนถึงกับมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงเพียงเพราะถูกเบียด บางคนแทบจะเงื้อมหมัดใส่กัน ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กลับยืนมองด้วยความงุนงง ฉันอดคิดไม่ได้ว่า…ถ้าหากไม่อยากถูกเบียดเสียด แล้วจะมาที่นี่ทำไม?
ฉันเดินขึ้นไปบนหลังคา มองเห็นผู้คนทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวอัดแน่นเต็มพื้นที่ ต่างคนต่างพยายามหามุมที่ดีที่สุด แต่ในความอึกทึกนั้น ฉันกลับสัมผัสได้ถึงพลังของศรัทธาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความวุ่นวาย
ระบำหน้ากาก: เสียงสะท้อนแห่งพุทธศาสนา
หลังจากพิธีการเริ่มขึ้น เหล่าพระลามะในชุดเครื่องแต่งกายสีสันสดใส สวมหน้ากากอันเป็นเอกลักษณ์ของเทพต่างๆ ตามคติทิเบต ได้ออกมาทำการแสดงระบำหน้ากากเพื่อบูชาและขับไล่สิ่งชั่วร้าย การเคลื่อนไหวช้าๆ ที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมายทางจิตวิญญาณ ทำให้ฉันนึกถึงการแสดงโขนของไทยที่มีจังหวะเนิบช้า แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพระกับฆราวาสที่ดูจะใกล้ชิดกว่าที่ฉันเคยเห็นในพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทของไทย พระลามะบางรูปยื่นมือมาทักทายและพูดคุยกับผู้ร่วมงาน รวมถึงหญิงสาวที่เข้ามากราบไหว้ ความสัมพันธ์แบบนี้อาจดูแปลกตาสำหรับฉัน แต่สำหรับชาวลาดักค์ มันเป็นเรื่องปกติ
เมื่อเทศกาลจบลง…แต่ความวุ่นวายยังคงอยู่
เมื่อพิธีสิ้นสุดลง ฝูงชนยังคงหนาแน่น การออกจากวัดกลายเป็นความท้าทายครั้งสุดท้ายของวัน เพราะมีเพียงประตูเดียวที่ทุกคนต้องเบียดกันออกไป ฉันต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะหลุดพ้นจากมหาสมุทรมนุษย์นั้นได้
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความวุ่นวายและความไม่สะดวกสบายมากมาย แต่เทศกาลระบำหน้ากากของวัดเฮมิสก็ยังคงเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดของฉัน ที่นี่ ฉันได้เห็นภาพสะท้อนของพุทธศาสนาที่แตกต่างจากที่ฉันคุ้นเคย ได้สัมผัสพลังศรัทธาของชาวลาดักค์ และได้เรียนรู้ว่า บางครั้ง การเดินทางไม่ได้มีเพียงแค่ความงดงามของสถานที่ แต่ยังมีบทเรียนที่ซ่อนอยู่ในความโกลาหลอีกด้วย






Leave a Reply