ทริปนี้เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจในการสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ กับกลุ่มเพื่อนนักเดินทางที่เรารู้จักจากการเดินทางสู่อินเดีย และครั้งนี้เรารวบรวมเพื่อนร่วมทางได้สี่คนมุ่งหน้าสู่เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์อย่าง มาเก๊า สถานที่ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งซากโบสถ์เซนต์ปอลและจัตุรัสเซนาโดที่โดดเด่นด้วยพื้นลายกระเบื้องสไตล์โปรตุเกส
การเดินทางและอุปสรรคแรก
พี่หมูและหมอปุ๊ก ผู้นำทริปของเรา ได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่พักอย่างเรียบร้อย เราได้โปรโมชันจาก ไทยแอร์เอเชีย ในราคาเพียง 7,400 บาทต่อคน และเลือกพักที่ โรงแรม Hou Kong ใกล้กับ Inner Harbour ซึ่งจากแผนที่ดูเหมือนจะมีรถบัสสาย 26 วิ่งตรงจากสนามบินไปที่พัก ทว่าเมื่อรถมาถึง เรากลับพบว่าเราไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นสองครั้งซ้อน แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลแน่ชัด แต่คาดว่าอาจเป็นเพราะกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเรา
สุดท้าย เราต้องเปลี่ยนแผนไปใช้รถสาย AP1 ไปต่อรถแถวโรงแรมลิสบัว ซึ่งทำให้เราต้องพบกับปัญหาใหม่ เราลงผิดป้ายเนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องลงที่ไหน และที่สำคัญ ชาวมาเก๊าส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้น้อยกว่าที่เราคาดไว้ ต่างจากฮ่องกงอย่างสิ้นเชิง เราพบว่าการเตรียมข้อมูลอย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่คิด อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือจากคนท้องถิ่นที่แม้จะสื่อสารกันไม่เข้าใจแต่ก็พยายามชี้ทางให้ เราก็เดินทางถึง Hou Kong Hotel ได้สำเร็จ โรงแรมแห่งนี้สะดวกสบาย ห้องพักสะอาด มีบริการทำความสะอาดทุกวัน และที่สำคัญ น้ำอุ่นแรงสะใจ!
สัมผัสมาเก๊าผ่านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม
แม้ฟ้าจะครึ้มในวันแรก แต่เราก็ตั้งใจออกสำรวจ วัดอาม่า (A-Ma Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า มีอายุกว่า 500 ปี วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 เพื่ออุทิศแด่ เทพธิดาอาม่า หรือ มาจู่ เทพีแห่งท้องทะเล ผู้ที่ชาวประมงและนักเดินเรือต่างเคารพบูชา เชื่อกันว่าชื่อ “มาเก๊า” เองก็มาจากชื่อของวัดแห่งนี้ โดยชาวโปรตุเกสที่เข้ามาครั้งแรกได้ยินชาวบ้านพูดว่า “อาม่าก๊อก” ซึ่งเป็นชื่อของวัด จึงนำมาตั้งเป็นชื่อดินแดนแห่งนี้
จากนั้น เราเดินเท้าต่อไปยัง โบสถ์เพนญ่า (Penha Church) หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของมาเก๊า โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1622 โดยชาวโปรตุเกสที่รอดชีวิตจากการโจมตีของชาวดัตช์ และตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้สามารถมองเห็นวิวของสะพานข้ามเกาะและอาคารสำคัญอย่าง มาเก๊าทาวเวอร์ ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเราจะเดินอ้อมไปมาและเกือบพลาดโอกาสชมเนื่องจากโบสถ์ใกล้จะปิด แต่ภาพทิวทัศน์ที่ได้รับก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยล้า
เซนาโดสแควร์: หัวใจแห่งมาเก๊า
ขาลงจากโบสถ์ เราเดินเรื่อยมาจนถึง เซนาโดสแควร์ (Senado Square) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีความคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน พื้นที่นี้เต็มไปด้วยอาคารสไตล์ ไชนีส-โปรตุกีส ที่มีสีสันสดใส ตกแต่งด้วยลวดลายกระเบื้องโมเสกเป็นลอนคลื่นที่กลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของมาเก๊า นักท่องเที่ยวควรจดจำชื่อ “ซันหม่าโหล” (San Ma Lo) เอาไว้ เพราะเป็นชื่อท้องถิ่นของที่นี่ เนื่องจากหากถามทางโดยใช้ชื่อ “เซนาโดสแควร์” หลายคนอาจไม่เข้าใจ
จากจัตุรัสนี้ เราเดินต่อไปยัง โบสถ์เซนต์โดมินิก (St. Dominic’s Church) โบสถ์สีเหลืองอ่อนที่สร้างขึ้นโดยบาทหลวงนิกายโดมินิกันจากสเปนในปี ค.ศ. 1587 และเดินไปยัง ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’ s) อนุสรณ์สถานที่โด่งดังที่สุดของมาเก๊า โบสถ์นี้เคยเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก่อนจะถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1835 เหลือเพียงด้านหน้าของโบสถ์ที่มีลวดลายแกะสลักอันงดงาม ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของโปรตุเกสในยุคอาณานิคม
ปิดท้ายวันแรกด้วยอาหารท้องถิ่น
หลังจากเดินเที่ยวกันจนเหนื่อย เราแวะรับประทานอาหารที่ร้านชื่อดัง Wong Chi Kei ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบะหมี่และเกี๊ยวน้ำ รสชาตินุ่มลิ้นและน้ำซุปหอมกลมกล่อม เป็นการปิดท้ายวันแรกของทริปด้วยความอิ่มท้องและอิ่มใจ
คืนแรกของเราจบลงเร็วกว่าที่คิด เพราะวันพรุ่งนี้ยังมีโปรแกรมท่องเที่ยวแน่นเอี๊ยด ไม่ว่าจะเป็น เกาะไทปา (Taipa) , โคโลอาน (Coloane) , เวเนเชี่ยน มาเก๊า (The Venetian Macao) และการขึ้นชมวิวที่ มาเก๊าทาวเวอร์ ซึ่งถูกเลื่อนจากวันนี้เนื่องจากท้องฟ้าปิด พวกเราต่างภาวนาให้วันพรุ่งนี้มีแดดสดใส เพื่อให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยภาพความทรงจำที่สวยงาม






Leave a Reply