วันนี้เราจะออกเดินทางไปเที่ยววัดสำคัญของกรุงปักกิ่งทั้งหมดสามแห่ง ได้แก่ Lama Temple (วัดลามะ) , Confucius Temple (วัดขงจื๊อ) , และ Heaven Temple (วิหารฟ้าเทียนถาน) แต่ละแห่งล้วนมีความสำคัญทั้งในเชิงศาสนา ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
Lama Temple (วัดลามะ)
เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยมื้ออาหารที่ Yoshinoya ซึ่งเป็นข้าวหน้าเนื้อที่เราคุ้นเคย ก่อนออกเดินทางโดยรถไฟใต้ดินไปยัง สถานี Yonghegong จุดหมายแรกของเราคือ Lama Temple (วัดลามะ) หรือที่รู้จักในชื่อ Yonghe Gong (พระราชวังหยงเหอ)
วัดลามะแห่งนี้เป็นศาสนสถานของนิกายวัชรยานแบบทิเบตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจีน เดิมทีที่นี่เคยเป็นที่พำนักของ ฮ่องเต้หย่งเจิ้น ก่อนที่พระองค์จะขึ้นครองราชย์ เมื่อพระองค์ย้ายไปพำนักในพระราชวังต้องห้าม สถานที่แห่งนี้จึงถูกเปลี่ยนเป็นวัดลามะในปี ค.ศ. 1744 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายลามะในจีน เป็นจุดที่พระลามะจากทิเบตและมองโกเลียเข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรม
ความโดดเด่นของวัดลามะ คืออาคารสำคัญที่เรียงตัวกันเป็นแนวตรง ทั้งหมด 5 หอ โดยแต่ละหอจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงหอสุดท้ายที่เป็นจุดไฮไลต์ ได้แก่ Wanfu Pavilion (ศาลาหมื่นสุข) ซึ่งประดิษฐาน พระศรีอริยเมตไตรย (Maitreya Buddha) ขนาดสูง 18 เมตร แกะสลักจากไม้จันทน์เพียงต้นเดียว ซึ่งนับเป็นงานศิลปกรรมที่หาชมได้ยาก
นอกจากนี้ยังมี แจกันศักดิ์สิทธิ์สองใบ ที่ฮ่องเต้เฉียนหลงทรงนำมาจากทิเบต แจกันใบหนึ่งถูกเก็บไว้ที่ Jokhang Temple (วัดโจคัง) ในทิเบต ใช้สำหรับการคัดเลือกและทำนายการกลับชาติมาเกิดของดาไลลามะ ส่วนอีกใบถูกเก็บไว้ที่วัดลามะในปักกิ่ง ซึ่งใช้ในการคัดเลือก Panchen Lama องค์ต่อไป
ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดอยู่ที่ 35 หยวน และยังได้รับแผ่นซีดีแนะนำวัดเป็นที่ระลึกอีกด้วย บริเวณหน้าวัดเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายธูปเทียนและเครื่องหอมสำหรับสักการะ เหล่าผู้ศรัทธาต่างจุดธูปไหว้พระขอพร ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธที่สำคัญของปักกิ่ง
Confucius Temple (วัดขงจื๊อ) และ Imperial College
จาก Hutong เราเดินต่อไปยัง Confucius Temple (วัดขงจื๊อ) ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดลามะ ค่าเข้าชมเพียง 20 หยวน ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดขงจื๊อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน รองจากวัดขงจื๊อในชวีฝู่ บ้านเกิดของขงจื๊อ
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1302 ในสมัยราชวงศ์หยวน และได้รับการขยายต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ที่นี่ใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมและสักการะขงจื๊อ ซึ่งเป็นนักปราชญ์ผู้ก่อตั้งลัทธิขงจื๊อ และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมจีนมายาวนาน
ภายในวัดมีศาลาหลักที่เรียกว่า Dacheng Hall (มหาศาลา) ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดพิธีกรรมบูชาขงจื๊อ รอบๆ วัดมีศิลาจารึกจารึกชื่อของนักวิชาการที่สอบผ่านการสอบจอหงวน และยังมีรูปปั้นของขงจื๊อขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่นี้
บริเวณใกล้กันยังมี Imperial College (Guozijian, กั๋วจื้อเจี้ยน) ซึ่งเป็นสถานศึกษาสูงสุดของจีนโบราณ จักรพรรดิใช้สถานที่แห่งนี้ในการบรรยายธรรมะขงจื๊อให้กับขุนนางและข้าราชการทุกปี อาคารสำคัญภายใน ได้แก่ Biyong Hall ซึ่งสร้างขึ้นในลักษณะของสถาปัตยกรรมราชสำนักจีนอันงดงาม
Temple of Heaven (วิหารฟ้าเทียนถาน)
เราเดินทางไปยัง Temple of Heaven (วิหารฟ้าเทียนถาน) โดยใช้รถไฟใต้ดินสาย 5 ลงที่สถานี Tiantandongmen แล้วแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ KFC ก่อนเดินเข้าสู่ Temple of Heaven Park ทางประตูทิศเหนือ
Temple of Heaven สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1420 ในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงสวรรค์และขอให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและชิงจะเสด็จมาประกอบพิธีกรรมที่นี่ทุกปี โดยสวมชุดสีฟ้าแทนสัญลักษณ์ของสวรรค์
อาคารหลักของวิหารฟ้า ได้แก่ The Hall of Prayer for Good Harvest ซึ่งเป็นหอทรงกลม 3 ชั้น ตั้งอยู่บนฐานหินอ่อน 3 ชั้น ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของปักกิ่ง เชื่อกันว่าการประกอบพิธีกรรมที่นี่จะช่วยให้แผ่นดินอุดมสมบูรณ์และบ้านเมืองสงบสุข
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ The Imperial Vault of Heaven ซึ่งมีกำแพงพิเศษที่เรียกว่า Echo Wall สามารถสะท้อนเสียงพูดจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ และสุดท้ายคือ Circular Mound Altar ที่จักรพรรดิใช้ประกอบพิธีบวงสรวงขอพรต่อสวรรค์ ตรงกลางมีหินที่เรียกว่า Heavenly Center Stone ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
เราสองคนเดินจนถึงเวลาปิดประตู และต้องเดินไกลกลับไปขึ้นรถไฟใต้ดิน เป็นการเดินเที่ยวที่สนุกและเต็มไปด้วยประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าจดจำ
ปิดท้ายวันด้วยมื้อค่ำแสนอร่อย
คืนนี้เรากลับโรงแรมเร็วขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็นที่ ร้านอาหาร Toi-lei ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรม อาหารที่นี่อร่อยและจานใหญ่มาก ถือเป็นมื้อค่ำที่อิ่มอร่อยสุดๆ ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเดินเล่นในห้างใกล้โรงแรม แม้จะไม่ได้เดินไกลมากนักเพราะห้างใกล้ปิดแล้ว แต่ก็เป็นการปิดท้ายวันที่ดีหลังจากการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ในปักกิ่ง






Leave a Reply