Nim Journey

เมื่อเครื่องลงแตะพื้นคุนหมิงในช่วงบ่าย พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองลั่วผิงซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของคุนหมิง ระหว่างทางเราแวะชม ป่าหิน (Shilin Stone Forest) อัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝนและลม ทำให้หินปูนก่อตัวเป็นเสาหินสูงตระหง่าน รูปทรงแปลกตาราวกับเป็นป่าหินที่สลักขึ้นโดยฝีมือของศิลปินเอกแห่งธรรมชาติ

หลังจากเก็บภาพที่ป่าหิน เราก็เดินทางต่อไปยัง ป่าทราย ซึ่งเป็นเขาหินทรายรูปร่างแปลกตา มีทางเดินให้เดินชมธรรมชาติ แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ มีเด็กหญิงคนหนึ่งเดินมาบอกเราว่าให้เข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องซื้อตั๋ว—แต่สุดท้ายก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมย้อนหลัง! การเดินทางท่องเที่ยวในจีนมักมาพร้อมกับเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เสมอ

ค่ำคืนนั้นเราเดินทางมาถึงลั่วผิงท่ามกลางอากาศที่เย็นลงเรื่อย ๆ และหมอกหนาที่ปกคลุมทั่วเส้นทาง เราหาที่พักในราคาเพียง 60 หยวนก่อนจะออกมาหาอาหารมื้อค่ำที่ร้านอาหารท้องถิ่น จุดเด่นของร้านอาหารจีนในเมืองเล็ก ๆ คือไม่มีเมนู ไม่มีรูปภาพให้ดู ทุกอย่างต้องเดินเข้าไปเลือกวัตถุดิบในครัวและบอกให้แม่ครัวทำตามต้องการ เมนูที่เราสั่ง—หมูทอด—กลายเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดของทริป

ทุ่งมัสตาร์ดและเส้นทางแห่งสายน้ำ

รุ่งเช้า เราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทุ่งมัสตาร์ด (Rapeseed) แต่หมอกหนาทำให้เราไม่สามารถถ่ายภาพได้อย่างที่หวัง แผนจึงเปลี่ยนเป็นการไปชมน้ำตกแทน โดยจุดหมายแรกของเราคือ น้ำตกเก้ามังกร (Jiulong Waterfall) น้ำตกขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาและทุ่งมัสตาร์ด ระหว่างทางมีชาวบ้านเสนอจะพาเราลัดเข้าไปในน้ำตกโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู แต่ต้องเดินลุยน้ำเข้าไป เราตัดสินใจจ่ายค่าตั๋วเต็มจำนวนและใช้บริการกระเช้าขึ้นไปชมวิวแทน

จากนั้นเรามุ่งหน้าต่อไปยัง น้ำตกหม่าหลิงเหอ (Maling Gorge) ในเมืองซิงอี้ มณฑลกวางสี น้ำตกแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านความงดงามของชั้นหินและหน้าผาสูงชัน ถึงแม้ในช่วงฤดูหนาวน้ำจะลดลงมาก แต่ภาพทิวทัศน์ของขุนเขาสูงตระหง่านที่มีเมืองเล็ก ๆ แทรกอยู่ในหุบเขานั้นสวยงามเกินบรรยาย

ค่ำคืนนั้นเราเลือกพักที่โรงแรมเล็ก ๆ ในซิงอี้ ในราคาย่อมเยาเพียง 50 หยวน แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงผ้าห่มไฟฟ้าซึ่งกลายเป็นไอเท็มสำคัญในการต่อกรกับอากาศหนาวเย็น