เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงบ่าย โดยสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมเพื่อนร่วมทริปอีกเก้าชีวิต มุ่งหน้าสู่กรุงเดลลี และเมื่อถึงสนามบินอินทิราคานธีในช่วงเย็น ความรู้สึกตื่นเต้นก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ทว่าการเดินทางยังไม่สิ้นสุด กว่าพวกเราจะฝ่าการจราจรอันคับคั่งไปถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม
ระหว่างทาง เราแวะรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีน บรรยากาศในร้านคึกคัก และกลิ่นอาหารหอมอบอวลชวนให้เราหิวโหยตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไป อาหารมื้อแรกในอินเดียอร่อยอย่างเกินคาด แต่ดูเหมือนพี่คนที่ไปรับจะสั่งมาเยอะเกินไป จนสุดท้ายต้องเหลือเต็มโต๊ะ
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังโรงแรมชื่อหรู “มหาราชาพาเลซ” ซึ่งพวกเราต่างพากันคาดหวังถึงความอลังการ แต่ทันทีที่รถจอดและเราก้าวลงมา สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาเราต้องหันมาสบตากันด้วยความงุนงง—มหาราชาพาเลซที่อยู่ในมุมมืดเช่นนี้ ทำเอาภาพในจินตนาการแตกสลายลงไปทันที
หลังจากจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อย ฉันกับพี่เขตออกเดินสำรวจบริเวณรอบๆ เพื่อหาที่แลกเงิน เราตัดสินใจไม่แลกที่สนามบินเพราะอัตราแลกเปลี่ยนไม่ค่อยดีและมีค่าธรรมเนียมสูง แต่เมื่อออกมาตามหาข้างนอกจริงๆ กลับพบว่าไม่มีร้านแลกเงินอยู่เลย สุดท้ายจึงถือโอกาสเดินเล่นไปตามถนนแทน
ไม่นาน เราก็เดินไปพบกับตลาดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านขายขนม ผลไม้ และพ่อค้าแม่ค้าที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เราได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากถนนข้างหน้า และเมื่อเดินไปใกล้ก็พบกับขบวนแห่ขนาดย่อมที่มีคนอินเดียแต่งตัวสวยงาม กำลังเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน คาดว่าน่าจะเป็นเพราะคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ทำให้มีงานเฉลิมฉลองและงานแต่งงานเกิดขึ้นเป็นระยะๆ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสงไฟจากร้านค้าและขบวนแห่สะท้อนอยู่บนพื้นถนน ทำให้ค่ำคืนนี้ดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
แม้วันแรกจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด แต่การได้เดินเล่นในย่านตลาดแบบนี้ก็ทำให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของผู้คนในเดลลีจริงๆ มันเป็นความประทับใจที่ไม่ต้องเลิศหรู แต่กลับสร้างความทรงจำที่ลึกซึ้งและตราตรึงใจในแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน






Leave a Reply