Nim Journey

A Legend of Travel

Posted in , ,

ก่อนเดินทางมาที่นี่ ฉันไม่รู้จักแคชเมียร์มากนัก รู้เพียงแค่ว่าที่นี่มีวิวสวย จึงลองค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเพื่อเตรียมตัว เพราะฉันรู้ดีว่า TKT ไม่มีไกด์คอยให้ข้อมูลละเอียดนัก พวกเขาเพียงแค่พาเราไปเที่ยว ส่วนรายละเอียดต้องหาด้วยตัวเอง

การค้นหาข้อมูลล่วงหน้าทำให้ฉันได้เห็นภาพทิวทัศน์อันงดงามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ และยิ่งกระตุ้นความรู้สึกอยากมาเยือนมากขึ้น ฉันจินตนาการถึงฉากที่ชาวยิปซีนั่งพักริมฝั่งแม่น้ำ รายล้อมด้วยภูเขาหิมะ และทุ่งหญ้าเขียวขจี เป็นภาพในฝันที่ฉันอยากสัมผัสสักครั้งในชีวิต เมื่อรถมุ่งหน้าขึ้นไปยัง Pahalgam ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าภาพในฝันของฉันอาจเป็นจริงที่นี่

เช้าวันแรกที่ตื่นขึ้นมา เสียงน้ำไหลจากแม่น้ำหน้าโรงแรมทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจที่สุดคือ มีคนทักว่าฉันหน้าตาเหมือนผู้หญิงแคชเมียร์ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสังเกตว่าตัวเองมีเค้าโครงหน้าคล้ายชาวอินเดีย ทำให้นึกถึง “โต” พี่ชายที่ฉันชอบแซวอยู่เสมอว่าเขาหน้าเหมือนแขก ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนร่วมทริปจะช่วยยืนยันว่า ฉันเองก็หน้าเหมือนแขกเช่นกัน จนต้องรีบไปส่องกระจกดูให้แน่ใจ

โปรแกรมวันนี้คือการขี่ม้าขึ้นเขา ซึ่งเป็นความฝันหนึ่งของฉันมานานแล้ว เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างชันและต้องผ่านป่าสนอันหนาทึบ การขี่ม้าจึงสะดวกกว่าการเดินเท้า ปลายทางของเราน่าจะเป็น Chandanwari หรือ Sheshnag ซึ่งเป็นทุ่งกว้างที่นักท่องเที่ยวมักมาปิกนิกกัน บรรยากาศรอบ ๆ งดงามราวกับฉากในภาพยนตร์ และไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสถานที่นี้จึงเป็นโลเคชันยอดนิยมของวงการหนังอินเดีย บ้านดินเหนียวของชาวยิปซีที่ตั้งอยู่ริมขอบพื้นที่ยิ่งทำให้บรรยากาศดูมีเสน่ห์และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

จาก Pahalgam เราเดินทางต่อไปยัง Gulmarg ระหว่างทางฉันเริ่มคิดว่าควรนำข้อมูลที่เตรียมไว้ออกมาอ่านควบคู่กับการเที่ยวครั้งนี้ เพราะแม้ว่าทริปนี้จะเน้นชมธรรมชาติ แต่ฉันกลับไม่ค่อยรู้เลยว่าสถานที่ที่เราแวะนั้นเรียกว่าอะไรบ้าง ไกด์ของเราชื่อมุสตาฟา ซึ่งดูจะไม่ทำหน้าที่ไกด์เอาเสียเลย เขาแทบไม่พูด ไม่แนะนำสถานที่ และไม่แม้แต่จะแนะนำตัวเอง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ต้องพึ่งพาตัวเองอย่างเต็มที่

ระหว่างทางไป Gulmarg เราผ่านทุ่งมัสตาร์ดสีเหลืองสดใส ป่าสนที่ทอดยาวตลอดข้างทาง และได้เห็นชีวิตของชาวเมืองระหว่างเส้นทาง การได้นั่งรถจิ๊ปชมวิวเช่นนี้ทำให้ฉันตระหนักว่า บางครั้งความสุขของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่สิ่งที่พบเจอระหว่างทางด้วย

เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มุ่งสู่ชายแดนปากีสถาน ทำให้เราเห็นทหารประจำการหนาแน่น ถนนสาย NH-1A ที่เราใช้เดินทาง คาดว่าสร้างขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ ภายใต้โครงการ Project Beacon ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาถนนเลียบพรมแดนแคชเมียร์ อย่างไรก็ตาม บางช่วงของถนนอยู่ในสภาพไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะขาดงบประมาณในการบำรุงรักษา

เราเดินทางมาถึง Gulmarg ประมาณหกโมงเย็น อากาศที่นี่หนาวที่สุดในทริป เพราะ Gulmarg ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,650 เมตรจากระดับน้ำทะเล รถที่ขึ้นมาถึงที่นี่ต้องเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง เนื่องจากเส้นทางขึ้นเขาชัน คดเคี้ยว และค่อนข้างแคบ สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าสนซีดาร์อันเงียบสงบ

คืนนี้เราพักที่โรงแรม Kingsley ด้านหลังโรงแรมมีทิวเขาใหญ่ที่เราจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปเล่นสกีและสเลดจ์ในวันรุ่งขึ้น ที่พักแห่งนี้ไม่น่าประทับใจนัก และฉันเองก็เจอประสบการณ์ชวนขนลุกเล็กน้อย ขณะอาบน้ำอยู่ มีคนมาเคาะประตูและพยายามเปิดเข้ามา โชคดีที่ฉันลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา นอกจากนี้ โรงแรมแห่งนี้ยังไม่มีถุงน้ำร้อนให้กอดคลายหนาวเหมือนที่ White House ซึ่งเราพักเมื่อคืนก่อน ทำให้คืนนี้กลายเป็นคืนที่หนาวที่สุดของฉันในทริปนี้

แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ฉันจะไม่มีวันลืม แคชเมียร์ไม่ใช่แค่ดินแดนแห่งความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้ฉันได้สัมผัสกับความฝัน และได้เรียนรู้ว่าการเดินทางที่ดีที่สุด คือการได้ใช้หัวใจของตัวเองค้นพบโลกกว้าง

Leave a Reply

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.

สมัครเป็นสมาชิก

Enter your email below to receive updates.